“ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้” โชว์ยอดพรีเซลครึ่งปีแรก 15,700 ล้านบาท ทะลุ 54% ของเป้าหมายทั้งปี ชู “แฮมป์ตัน” และ “แกรนด์ บริทาเนีย” สุดยอดไฟท์ติ้งแบรนด์ไตรมาส 2/2564 หลังแฮมป์ตัน ศรีราชา บุกตลาด Investment Property คว้ายอดขายกว่า 90% บ้านจัดสรรฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯมาแรงต่อเนื่อง ชี้การปรับตัวต่อเนื่อง ทั้งการออกแคมเปญ Final War, Final Price การทำ Property Live การเปิดให้ผู้บริโภคซื้อขายด้วยคริปโทเคอร์เรนซี เป็น Key Success หนุนความสำเร็จ จับตาสถานการณ์ภาพรวมประเทศครึ่งปีหลัง พร้อมเดินหน้าปรับตัวต่อเนื่อง เล็งส่ง 5 โครงการใหม่ เจาะหลากเซ็กเมนท์ ดันยอดขายสู่ 29,000 ล้านบาท สร้างสถิติใหม่ All Time High ตามเป้า
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 (ม.ค.-มิ.ย.2564) บริษัทมียอดขายสะสมแล้วกว่า 15,700 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ถึง 37% และคิดเป็น 54% ของเป้าหมายทั้งปีที่ตั้งไว้ 29,000 ล้านบาท
โดยเฉพาะช่วงไตรมาส 2/2564 (เม.ย.-มิ.ย.2564) บริษัทมียอดขายกว่า 8,000 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปี 2563 ราว 22% และยังคงรักษาระดับการเติบโตจากไตรมาสก่อนหน้าได้ แบ่งเป็นยอดขายจากกลุ่มบ้านจัดสรร 25% และกลุ่มคอนโดมิเนียม 75% หากแบ่งตามสถานะโครงการ มีสัดส่วน ยอดขายจากโครงการพร้อมอยู่ (Ready to move) 71% และยอดขายจากกลุ่มโครงการที่เพิ่งเปิดขายหรืออยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง (Ongoing) ราว 29%
สำหรับไฟท์ติ้งแบรนด์ที่มีส่วนสำคัญในการสร้างยอดขายใหม่ช่วงไตรมาส 2/2564 คือแบรนด์อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (Investment Property) แบรนด์แรกของบริษัทอย่าง แฮมป์ตัน (Hampton) และแบรนด์บ้านจัดสรรมิกซ์โปรดักส์ (Mixed Products) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมระดับไฮเอนด์-ลักชัวรีอย่าง แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) ล่าสุด แฮมป์ตัน ศรีราชา โครงการร่วมทุนกับกลุ่มดุสิตธานีสามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 90% ถือเป็นก้าวแรกของความสำเร็จในการเข้าสู่ตลาด Investment Property ขณะเดียวกัน แกรนด์ บริทาเนีย ราชพฤกษ์-พระราม 5 บ้านจัดสรรในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ ที่เพิ่งเปิดขายอย่างเป็นทางการในช่วงไตรมาส 2/2564 ก็ได้กระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างมากเช่นเดียวกัน
“นอกจากยอดขายในฝั่งโครงการเปิดตัวใหม่ เรายังใช้ความเข้าใจใน Insight ของผู้บริโภคมาเป็นแนวทางในการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การจัดแคมเปญ Final War, Final Price เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงคอนโดมิเนียมไฮเอนด์คุณภาพในราคาสุดคุ้ม การงัดกลยุทธ์ Online Marketing ของฝั่ง Consumer Products มาประยุกต์สร้างช่องทางขายเชิงรุกใหม่ผ่าน Property Live การจับมือกับ Bitkub เพิ่มช่องทางการซื้อขายให้แก่ผู้บริโภคด้วยคริปโทเคอร์เรนซี การปรับตัวทั้งหมดถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรายังรักษาการเติบโตของยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม แม้ในช่วงที่ภาคเศรษฐกิจจะได้รับแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ระลอก 3”
นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง ยังอยู่ในช่วงต้องจับตาดูสถานการณ์ภาพรวมของประเทศอย่างใกล้ชิด อาทิ มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดและการเยียวยาภาคส่วนต่างๆ ของภาครัฐ ความเร็วของการกระจายการฉีดวัคซีนเพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (Herd Immunity) หากภาครัฐสามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวได้ดี จะช่วยให้เศรษฐกิจภาพรวมและภาคอสังหาริมทรัพย์ได้อานิสงส์ไปด้วย
อย่างไรก็ดี ออริจิ้น จะเดินหน้าปรับตัวให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ ควบคู่กับการเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนงานที่วางไว้ โดยในไตรมาส 3/2564 บริษัทจะเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,580 ล้านบาท ได้แก่ บริทาเนีย ติวานนท์-ราชพฤกษ์ และบริทาเนีย ราชพฤกษ์-นครอินทร์ ต่อยอดความสำเร็จของบ้านจัดสรรฝั่งตะวันตกของกรุงเทพฯ โครงการแฮมป์ตัน ระยอง ต่อยอดความสำเร็จตลาด Investment Property รวมถึงแบรนด์ใหม่ “ออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์” (Origin Plug & Play) คอนโดมิเนียมเจาะกลุ่มสตาร์ทอัพ ภายใต้ชื่อออริจิ้น ปลั๊ก แอนด์ เพลย์ รามคำแหง ทริปเปิ้ล สเตชั่น และแบรนด์ “บริกซ์ตัน” (Brixton) เจาะกลุ่มความต้องการเฉพาะ (Affordable Niche) อย่างบริกซ์ตัน เพ็ท แอนด์ เพลย์ สุขุมวิท 107 คอนโดมิเนียมเลี้ยงสัตว์ได้โครงการแรกของบริษัท เชื่อมั่นว่าจากความเข้าใจ Insight ของผู้บริโภค และความสามารถในการปรับตัวอย่างรวดเร็ว จะส่งผลให้บริษัทสามารถสร้างสถิติยอดขาย All Time High ได้ตามเป้า