ปตท. เผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันประจำสัปดาห์ที่ 6-10 ก.ย. 64 และคาดการณ์สัปดาห์ที่ 13-17 ก.ย. 64 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 72.18 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -0.27 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 68.88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -0.24 เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 70.31 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับลดลง -0.42 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +0.54 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 79.87 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาเพิ่มขึ้น +0.64เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 74.05 เหรียญสหรัฐฯ
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
* Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติของซาอุดีอาระเบียปรับราคาขายน้ำมันดิบแบบเทอม (Saudi Official Selling Price: Saudi OSP) ในเดือน ต.ค. 64 สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ส่งมอบลูกค้าในเอเชียลดลง 1.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากเดือนก่อน นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 เดือน
* กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงาน ณ วันที่ 10 ส.ค. 64 ดัชนีราคาผู้ผลิต (Producer Price Index: PPI) ในเดือน ส.ค. 64 เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อนหน้า สูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ย. 53 และดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐาน (Core PPI: ไม่รวมอาหารสด และเชื้อเพลิง) เพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อนหน้า
* จีนมีแผนนำน้ำมันดิบจากคลังสำรองเชิงยุทธศาสตร์ (Strategic Petroleum Reserve: SPR) มาออกประมูลขายให้แก่โรงกลั่นในประเทศ เพื่อบรรเทาราคาขายปลีกในประเทศ
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
รัฐบาลจีนอนุมัติโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบให้แก่โรงกลั่นเอกชนแห่งใหม่ Lianyungang (320 KBD) ของบริษัท Shenghong Petrochemical โดยในปี 2564 โควตานำเข้าอยู่ที่ 14.66 ล้านบาร์เรล ส่วนในปี 2565 และ ปี 2566 อยู่ที่ 116.47 ล้านบาร์เรล และ 117.28 ล้านบาร์เรล ตามลำดับ ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเดินเครื่องทดสอบในเดือน ก.ย. 64 โดยมีกำหนดการดำเนินการเชิงพาณิชย์ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565
* Energy Information Adminsitration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 3 ก.ย. 64 ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 423.9 ล้านบาร์เรล
* General Administration of Customs (GAC) ของจีนรายงานปริมาณการนำเข้าน้ำมันดิบ ในเดือน ส.ค. 64 เพิ่มขึ้น 8% จากเดือนก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 10.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันจากการปรับราคาขายน้ำมันดิบแบบเทอม (Saudi Official Selling Price: Saudi OSP) ในเดือน ต.ค.64 สำหรับน้ำมันดิบ Arab Light ส่งมอบลูกค้าในเอเชีย ลดลง 1.3 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลจากเดือนก่อนหน้า นับเป็นการปรับลดครั้งแรกในรอบ 4 เดือน อีกทั้งมีการฟื้นตัวของอุปทานในสหรัฐฯ โดยกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ รายงาน ณ วันที่ 10 ก.ย. 64 การผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติใน Gulf of Mexico หยุดดำเนินการอยู่ 0.88 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 1,200 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็น 49% และ 54% ของกำลังการผลิตทั้งหมดใน Gulf of Mexico ตามลำดับ ฟื้นตัวจาก 29 ส.ค.64 ซึ่งการผลิตหยุดไป 1.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน และ 2,100 ลูกบาศก์ฟุตต่อวัน คิดเป็น 96% และ 94% ตามลำดับ
ทางด้านปัจจัยการเคลื่อนย้ายเงินทุน (Fund Flows) Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) เผยหลังจบการประชุม 9 ก.ย.64 ว่า ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0% เป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
นอกจากนี้ ECB มีมติคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามโครงการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่ระดับ 8 หมื่นล้านยูโรต่อเดือน (ประมาณ 9.46 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) อย่างไรก็ดี ECB ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินภายในไตรมาสที่ 4/64 ทั้งนี้มาตรการ PEPP มีกำหนดจะสิ้นสุดในเดือน มี.ค.65 ตามกำหนดเดิม
ทั้งนี้ ให้จับตามองท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) จะประชุม 21-22 ก.ย.64 อาจส่งสัญญาณเพิ่มอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นเพื่อลดแรงกดดันของเงินเฟ้อที่ส่งผลกดดันต่อราคาน้ำมัน และระบุระยะเวลาเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรวงเงิน 1.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือนทางเทคนิคราคาน้ำมัน ICE Brent ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 69 ถึง 75 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
