“Rolls-Royce ดึงดูดใจคนที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนคนส่วนใหญ่ เปี่ยมด้วยจินตนาการ และต้องการฉีกฎกเกณฑ์เดิม ๆ มาโดยตลอด เราภูมิใจที่จะนำเสนอกลุ่มชายหญิงเหล่านี้ด้วยผืนผ้าใบที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งพวกเขาสามารถแสดงออกถึงความต้องการล้มล้างสิ่งเดิม ๆ และมีความมั่นใจในการแสดงออกถึงความสำเร็จของพวกเขา
“Black Badge แสดงถึงวิวัฒนาการตามธรรมชาติของแบรนด์ที่ถูกกำหนดนิยามโดยวัฒนธรรมการทำงานร่วมกันกับลูกค้า Black Badge ไม่ใช่แบรนด์ลูก แต่คือทัศนคติที่สะท้อนถึงการตอบสนองที่แท้จริงและมั่นใจต่อความปรารถนาของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ภูมิใจในการกล้าแสดงออกถึงความเป็นตัวตน”
Torsten Müller-Ötvös, Chief Executive Officer, Rolls-Royce Motor Cars
วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.00 น. (ตามเวลาในสหราชอาณาจักร) Torsten Müller-Ötvös, CEO, Rolls-Royce Motor Cars จะเปิดเผยถึงยนตรกรรมใหม่ในกลุ่มรถยนต์ของแบรนด์ โดยก่อนที่จะมีการประกาศนั้นแบรนด์ได้เปิดเผยถึงประวัติศาสตร์ของการฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ ที่คาดไม่ถึงภายในโรลส์-รอยซ์ รวมถึงการรังสรรค์ยนตรกรรมที่แฝงไว้ด้วยอีกตัวตนหนึ่งของ Rolls-Royce นั่นคือ Black Badge
นอกจากเรื่องราวต้นกำเนิดที่ไม่ธรรมดาของยนตรกรรมซีรีส์บีสโป๊กถาวรของแบรนด์แล้ว ปัจจุบันยนตรกรรมรุ่นนี้คิดเป็นร้อยละ 27 ของการสั่งผลิตยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ทั่วโลก
ตำนานแห่งการขบถ
การที่ไม่เป็นไปตามแบบแผนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับโรลส์-รอยซ์ รากฐานที่หยั่งลึกของบริษัทแสดงออกถึงความท้าทายที่จงใจต่อสิ่งที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้ด้วยความเคารพ เนื่องจากผู้ก่อตั้ง Sir Henry Royce และ C. S. Rolls ทั้งคู่ต่างปฏิเสธชะตาชีวิตตั้งแต่เกิดของตน Henry Royce มาจากครอบครัวที่สมถะและได้กลายเป็นวิศวกรผู้ยิ่งใหญ่ในยุคของเขาและได้สร้างสรรค์ยนตรกรรมสำหรับชนชั้นสูง ส่วน C. S. Rolls นั้นเป็นชนชั้นสูง สวมเนคไทสีขาวที่แปดเปื้อนไปด้วยน้ำมันเครื่องร่วมงานใหญ่สำคัญของมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ จนได้รับฉายาว่า ‘Dirty Rolls’ (Rolls ผู้ซกมก)
ปัจจุบัน ‘disruptor’ (คนหัวก้าวหน้า) ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โด่งดังสำหรับผู้ที่ปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมที่มีอยู่ คุณสมบัตินี้ได้สร้างเม็ดเงินมหาศาล ล้มล้างองค์กรที่ยิ่งใหญ่และแม้แต่ท้าทายแนวคิดเรื่องสกุลเงิน หากคำนี้ถูกบัญญัติขึ้นตั้งแต่ต้นยุคศตวรรษที่ 20 ทั้ง Rolls และ Royce คงเป็นหนึ่งในกลุ่มคนหัวก้าวหน้าในยุคนั้น พวกเขาพิสูจน์ให้เห็นว่ารถยนต์คันหนึ่งสามารถแทนที่รถม้าที่เป็นพาหนะที่วางใจได้และประหยัดได้อย่างสนิทใจผ่านการสร้างสรรค์ผลงานที่มีความสมบูรณ์แบบผ่านความทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมาก
แม้ว่าลักษณะนิสัยในวิธีการและสิ่งที่สร้างไว้ของ Rolls และ Royce จะต่างกันโดยสิ้นเชิง บุคคลต่าง ๆ อาทิ John Lennon, Karl Lagerfeld, Sammy Davis Jr, Sophia Loren และผู้บุกเบิกคนรุ่นใหม่ทางด้านเทคโนโลยี ระบบสมองกลฝังตัว เทคโนโลยีทางด้านการเงิน และเทคโนโลยีบิ๊กดาต้าต่างล้วนเกี่ยวพันกันด้วยจิตวิญญาณที่ขบถของพวกเขา
กรณีของ Black Badge ยนตรกรรมในซีรีส์บีสโป๊กถาวรรุ่นแรกของแบรนด์ที่ไม่อาจเห็นได้ชัดเจนไปมากกว่านี้ในฐานะของการตอบสนองที่แท้จริงและร่วมสมัยของคนรุ่นใหม่ที่มีต่อมรดกที่สืบทอดกันมานี้
กำเนิดของ BLACK BADGE
ก่อนที่จะเข้าถึง Black Badge จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเข้าใจในรากเหง้าของการเติบโตและวิถีทางของโรลส์-รอยซ์ ภายหลังการเปิดตัวอีกครั้งของแบรนด์ในปีพ.ศ. 2546 ยุคของกู้ดวูดเริ่มต้นด้วย Phantom ปีพ.ศ. 2546 สุดยอดยนตรกรรมที่ชวนให้นึกถึงความสง่างามและความไม่สะทกสะท้านของยนตรกรรมรุ่นก่อนได้อย่าง
ชาญฉลาด หลังจากการเปิดตัวของ Phantom และความสำเร็จที่ตามมา ผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์ได้รับฟังผลตอบรับในทิศทางใหม่ ลูกค้าร้องขอการแสดงออกของแบรนด์นั้นให้ลดความเป็นทางการลงซึ่งนำไปสู่การเปิดตัวของ Ghost ในปีพ.ศ.2552 กลายเป็นยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์
หลังจากความสำเร็จของ Ghost โรลส์-รอยซ์ได้ทำให้การฟื้นฟูแบรนด์ให้มีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้นโดยปรับตัวเองให้เข้ากับความต้องการที่แตกต่างกันอย่างมากของคนรุ่นหลัง กลุ่มหญิงและชายเหล่านี้ต้องการยานยนต์ที่มีขุมพลังมากกว่าเดิมด้วย Wraith ยนตรกรรมแกรนด์ทัวร์ที่ถ่ายทอดจิตวิญญาณของ Rolls ผู้ชื่นชอบความเร็ว ตามมาด้วย Cullinan ยนตรกรรมที่เหมาะสำหรับทุกที่ทุกแห่งหน ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงแบรนด์อย่างแท้จริงที่ไม่เพียงเป็นการรังสรรค์ยนตรกรรมใหม่สำหรับลูกค้ารายใหม่เท่านั้นแต่ยังเพื่อวัตถุประสงค์ใหม่
ยนตรกรรมเหล่านี้ พร้อมกับการเปิดตัวของ Dawn ยนตรกรรมเปิดประทุนที่เย้ายวนใจได้กำหนดฐานลูกค้าใหม่ของ Rolls-Royce ที่เป็นกลุ่มคนอายุน้อยลงกว่าก่อน ผลักดันบริษัทให้ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์อย่างที่ไม่เคยปรากฏ และเติมความมีชีวิตชีวาและกำหนดจุดมุ่งหมายใหม่เพื่อมุ่งไปสู่ความเป็นบริษัทที่ได้รับการยกย่องมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
ความกล้าหาญและการสั่งผลิตพิเศษ
ลูกค้าที่มาที่โรลส์-รอยซ์ในยุคใหม่ที่กล้าหาญนี้มาจากภาคธุรกิจและภูมิประเทศใหม่ ๆ ความสำเร็จของพวกเขาถูกกำหนดด้วยตัวพวกเขาเอง จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาต้องการแสดงออกถึงความสำเร็จของพวกเขาด้วยจิตวิญญาณที่ขบถแบบเดียวกับที่เคยนำพาพวกเขาไต่เต้าสู่ความสำเร็จมาแล้ว
การดำเนินการตามวิสัยทัศน์ใหม่นี้ตกเป็นหน้าที่ของแผนก Bespoke Collective ของโรลส์-รอยซ์ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ของแบรนด์ถูกขอให้สร้างสรรค์ยนตรกรรมที่สะท้อนถึงความหรูหราที่ถูกคาดหวังมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ความเชี่ยวชาญในการตกแต่งโดยใช้วัสดุแบบดั้งเดิม เช่น ไม้เคลือบเงา ถูกส่งต่อให้เป็นการแสดงออกทางด้านเทคนิคและความร่วมสมัยของงานหัตถศิลป์มากขึ้น เส้นใยทางเทคนิคที่ถูกออกแบบทางวิศวกรรมอย่างละเอียดถี่ถ้วน อลูมิเนียมเกรดอากาศยาน และสีที่เข้มขึ้นกำหนดความสวยงามภายในห้องโดยสารใหม่อย่างมั่นใจ
บริการการสั่งผลิตพิเศษได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญมากพอกันกับการผลิตยนตรกรรม Rolls-Royce แต่จากการเก็บบันทึกข้อมูลด้านการสั่งผลิตพิเศษทั่วโลกทำให้พบว่ามีรูปแบบของการสั่งผลิตพิเศษหนึ่งที่ชัดเจนปรากฏขึ้น นั่นคือ ความปรารถนาที่จะฉีกกฎเกณฑ์เดิม ๆ ของความเป็นโรลส์-รอยซ์ด้วยความเคารพ อันที่จริง การรับรู้ถึงเรื่องนี้ได้ถูกตอกย้ำภายหลังจากที่มีการพบกันระหว่าง Torsten Müller-Ötvös, CEO, Rolls-Royce Motor Cars กับลูกค้าผู้มอบหมายให้ปรับแต่งตัวถังรถภายนอกเพื่อปกปิดยนตรกรรม Wraith ของเขาด้วยการใช้โครเมียมสีดำและล้อที่มีสีเข้มขึ้น
สิ่งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ Torsten Müller-Ötvös เคยประสบระหว่างการประชุมหลายครั้งกับลูกค้าแต่ละรายผู้สั่งผลิตยนตรกรรม Rolls-Royce ของพวกเขาให้มีสีที่ “เข้มขึ้น” และเป็นเครื่องยืนยันคำตอบที่มีให้แก่ข้อกำหนดของความต้องการใหม่นี้ ลูกค้าเหล่านี้ไม่เชื่อว่าโรลส์-รอยซ์จะเห็นด้วยกับความปรารถนาของพวกเขา พวกเขาเข้าใจผิด ความสำเร็จในยุคนี้ของแบรนด์เกิดขึ้นจากการรับฟังลูกค้าด้วยความเต็มใจ การมีส่วนร่วมและการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมและบรรทัดฐาน Black Badge ได้ถือกำเนิดขึ้น
BLACK BADGE และอุตสาหกรรมสินค้าหรูในวงกว้าง
เมื่อลูกค้าของโรลส์-รอยซ์อายุน้อยลงมีความคล่องแคล่ว และหลากหลายมากขึ้นเช่นเดียวกับขอบเขตของแรงบันดาลใจก็เช่นกัน ผู้เชี่ยวชาญของแบรนด์น้อมรับการเคลื่อนไหวด้านแฟชั่นและแฟชั่นชั้นสูงที่ส่งผ่านจิตวิญญาณที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองความท้าทายระหว่างการไม่เป็นไปตามแบบแผน และการออกแบบแบบดั้งเดิม จากเดิมที่แรงบันดาลใจมักถูกดึงมาจากโครงร่างของเสื้อผ้าแบบคลาสสิกได้นำไปสู่ความรู้สึกที่สดใหม่และร่วมสมัยผ่านวัสดุสีเข้มที่เปี่ยมด้วยนวัตกรรมที่บ่อยครั้งมักจะถูกขับเน้นด้วยสีสันสดใส
ที่สุดของรูปแบบในการแสดงออกในอนาคต คือการลดทอนรายละเอียดตกแต่งที่มากเกินไป และการย้อนกลับสู่การใช้เส้นลายกราฟิกที่เรียบง่าย ความสวยงามนี้แสดงถึงความยับยั้งชั่งใจ สติปัญญา วินัย และวิถีชีวิตในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากนี้ ยังรวบรวมจิตวิญญาณของปรัญชาการออกแบบ Post Opulence ภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ทั่วโลก ในช่วงแห่งยุคภาพลานตาของเราที่ถูกปลุกเร้ามากเกินไปด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และความเป็นจริงเสมือน (VR) ยนตรกรรมจึงกลายเป็นสถานที่พักผ่อนและพื้นที่ส่วนตัวอันล้ำค่า จากโหมดหน้าจอสีดำไปจนถึงผ้าปิดตาแบบทึบแสง หรือเพียงแค่เอนกายในความมืดภายใต้หมู่ดาว เราต่างรู้สึกซาบซึ้งในคุณค่าของการกลับไปสู่พื้นที่อันว่างเปล่าที่เป็นส่วนตัวของเรา
เทรนด์ร่วมสมัยอย่างแท้จริง
ในทำนองเดียวกันที่โรลส์-รอยซ์เฉดสีต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงสิ่งที่สืบทอดกันมาจากอดีตถูกแทนที่ด้วยความงามที่เข้มข้นขึ้นที่สื่อถึงการมีอยู่ของตัวตนโดยปราศจากการรบกวนจากภาพเงาของยนตรกรรม ในขณะที่สินค้าที่มีสีดำแต่เดิมสะท้อนถึงความหรูหราโดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลงานด้านแฟชั่น ทีมนักออกแบบของโรลส์-รอยซ์ขณะนี้พยายามที่จะฉีกแนวคิดนี้ด้วยการใช้สีที่โดดเด่น เฉกเช่นเดียวกับที่ชุดเดรสสีดำตัวเล็กของ Chanel ถูกรังสรรค์ขึ้น เมื่อลูกค้าของโรลส์-รอยซ์ก็มีความกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้มีการผสมผสานสีเรืองแสงเข้ากับความเข้มข้นดุดันของ Black Badge
นับเป็นครั้งแรกที่การสั่งผลิตพิเศษได้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปในน้ำหนักที่เท่าเทียมกันระหว่างทีมนักออกแบบบีสโป๊กและทีมวิศวกรที่ออกแบบตัวยนตรกรรม ลูกค้ารายใหม่เหล่านี้แสวงหาสมรรถนะที่คล่องแคล่วและทรงพลังมากขึ้น โรลส์-รอยซ์จึงตอบสนองความต้องการนี้ด้วยพละกำลังที่เพิ่มขึ้น ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน และช่วยให้ห้องโดยสารของยนตรกรรมที่มากับระบบส่งกำลัง V12 มีความเงียบเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การเข้าถึงความต้องการแบบองค์รวมที่แท้จริง และลึกซึ้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้งานของยนตรกรรมโรลส์-รอยซ์ในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปจากตั้งแต่ที่พักอาศัยในชนบทไปจนถึงการขับรถท่องราตรีในเมือง แท้จริงแล้วด้วยยนตรกรรม Black Badge แบรนด์กำหนดความเป็นที่สุดของวิถีการดำเนินชีวิตใหม่นี้และถ่ายทอดจิตวิญญาณของผู้ก่อตั้งแบรนด์ทั้งสองและทำการขบถตนเองเพื่อการเจริญเติบโตในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ประวัติศาสตร์หน้าใหม่อันน่าทึ่งของ Black Badge กำลังจะถูกเปิดเผยในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2564 เวลา 13.00 น. (ตามเวลาในสหราชอาณาจักร) สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.rolls-roycemotorcars.com