AUTOCLIK เดินหน้ารุกตลาดศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ประเภทเร่งด่วน (Fast-Fit) พร้อมชูจุดขายภายใต้คอนเซ็ปต์ “AUTO CLIK จ่ายหลักร้อย รับบริการแบบหลักหมื่น” ด้วยมาตราฐานการบริการที่ตอบโจทย์ตรงใจลูกค้าในทุกมิติ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ
นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง จำกัด เปิดเผยว่า จากที่มีความชำนาญและอยู่ในวงการยานยนต์ร่วม 30 ปี โดยเป็นดีลเลอร์รถยนต์ฮอนด้าในภาคตะวันนอกเฉียงเหนือและภาคใต้ (ภูเก็ต) ในนาม “ฮอนด้ามะลิวัลย์” จนประสบความสำเร็จและนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปี 2652 ที่ผ่านมา โดยมีบริษัทย่อยที่อยู่ในเครือคือ บริษัท ฮอนด้ามะลิวัลย์ จำกัด ดีลเลอร์ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ฮอนด้ารวมทั้งหมด 10 สาขา และ บริษัท ออโตคลิก บาย เอซีจี จำกัด ศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ประเภทเร่งด่วน Fast Fit ภายใต้ชื่อ AUTO CLIK จำนวน 12 สาขา โดยเริ่มเปิดให้บริการเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา
“ตลาดศูนย์บริการซ่อมรถยนต์ประเภทเร่งด่วน หรือ ฟาสต์ฟิต (Fast-Fit) ในประเทศไทย เป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่สูง โดยแบรนด์หลักครองส่วนแบ่งตลาดราว 15-20% ส่วนแบรนด์อื่นๆ ครองส่วนแบ่งทางการตลาดไม่มากนัก จุดนี้เองทำให้ผมมองเห็นโอกาสที่เข้ามาทำตลาด และมีส่วนแบ่งทางการตลาดให้เรามีโอกาสเติบโต จากประสบการณ์ที่เป็นดีเลอร์รถยนต์ฮอนด้ารวม 30 ปี การวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด รวมถึงศึกษาดูงานธุรกิจ Fast Fit แบรนด์ต่างๆ ที่เป็นศูนย์บริการรถยนต์ทุกยี่ห้อประเภทเร่งด่วน (Fast-Fit) ให้บริการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ยางรถยนต์ แบตเตอรี่ ระบบเบรก ช๊อคอัพ ช่วงล่าง รวมถึงระบบแอร์รถยนต์ ผมได้นำมาพัฒนาขั้นตอนการให้บริการของ AUTO CLIK โดยมุ่งเน้นสร้างสะดวกสบาย ความพึ่งพอใจ ลดขั้นตอนต่างๆ ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัย มาให้บริการในรูปแบบ Digital ทั้งกระบวนการ เรียกว่าตั้งแต่เปิดใบสั่งซ่อมจนถึงส่งมอบรถ โดยไม่ใช้กระดาษ (Paperless) และเป็นเจ้าแรกของประเทศไทยที่มีการจัดทำ e-Tax invoice และ e-Receipt (ใบกำกับภาษีและใบเสร็จรับเงินรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อสร้างประสบการณ์และมอบความสะดวกสบายสูงสุดให้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ พร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษในทุกผลิตภัณฑ์ ภายใต้คอนเซ็ปต์หลักคือ “AUTO CLIK จ่ายหลักร้อย รับบริการแบบหลักหมื่น” ในโอกาสนี้ จึงอยากเรียนเชิญผู้สนใจทุกท่านมาพิสูจน์คุณภาพของ AUTO CLIK ทุกสาขาในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย
ปัจจุบันมี 12 สาขา ประกอบด้วย 1.สาขาเทพกระษัตรี จังหวัดภูเก็ต 2.สาขาโรงเรียนสตรีภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต 3.สาขาโลตัส อ่อนนุช 80 จังหวัดกรุงเทพฯ 4.สาขาบิ๊กซี กัลปพฤกษ์ จังหวัดกรุงเทพฯ 5.สาขาบิ๊กซี มหาชัย 2 จังหวัดสมุทรสาคร 6.สาขาโลตัส เอกชัย 99/1 จังหวัดกรุงเทพฯ 7.สาขาบิ๊กซี เชียงใหม่ ดอนจั่น จังหวัดเชียงใหม่ 8.สาขาโลตัส นวนคร จังหวัดปทุมธานี 9.สาขาบางจาก บางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี 10.สาขาบิ๊กซี ติวานนท์ จังหวัดนนทบุรี 11.สาขาบิ๊กซี รามอินทรา จังหวัดกรุงเทพฯ 12.สาขาโชตนา หน้าสนามกอล์ฟลานนา จังหวัดเชียงใหม่ โดยทุกสาขาเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 8.00-21.00 น. ยกเว้นสาขาในจังหวัดภูเก็ตเปิดให้บริการ 8.00-19.00 น.
นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ กล่าวในท้ายสุดว่า ด้วยจุดเด่นของการบริการ ทำให้มั่นใจว่า สามารถจะแข่งขันกับศูนย์บริการประเภทเดียวกันทุกแบรนด์ และแชร์ส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแน่นอน และตั้งเป้าจะเปิดให้ครบ 20 สาขาภายในสิ้นปี 2566 ในทำเลศักยภาพอื่นๆ ต่อไป