30.9 C
Bangkok
Thursday, December 12, 2024
Mitsubishi
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ขยายการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน

ครูว์ : ขณะที่โลกกำลังเสวนาถึงอนาคตของการลดการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ในการประชุม COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ เป็นแบรนด์ผู้ผลิตยนตรกรรมหรูรายแรกที่กำหนดเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการเป็นกลางทางคาร์บอนแบบเต็มรูปแบบภายในปี 2573 ได้ยืนยันการรับรองความเป็นกลางทางคาร์บอน ณ โรงงานฯ เมืองครูว์และระบบปฏิบัติการอีกครั้งตามข้อกำหนด PAS 2060 Carbon Neutral โดย Carbon Trust ได้รับการยอมรับในระดับสากล สะท้อนถึงแผนงานที่เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ใช้เพื่อการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากขั้นตอนการผลิต

นับตั้งแต่ได้รับการรับรองการเป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2562 เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ได้ลงทุนอย่างต่อเนื่องในการลดการปล่อยมลพิษ ส่งผลให้การปรับลดการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลงกว่า 81% ในช่วงเวลาเดียวกัน ด้วยการดำเนินงานเชิงมุ่งเน้นของพนักงานและผลกระทบของโรคระบาดที่ส่งผลต่อการลดลงของการเดินทางเพื่อธุรกิจ ดังนั้นการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สำหรับการดำเนินกิจกรรมเบนท์ลีย์ มอเตอรส์จึงลดลงจาก 17,482 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ในปี 2562 เป็น 3,341 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ ในปี 2563 แม้จะมีขอบเขตการวัดผลที่ครอบคลุมการเดินทางเพื่อธุรกิจทั้งหมดและสถานีดาวเทียมกว่า 3 แห่งในพื้นที่ก็ตาม

Peter Bosch กรรมการฝ่ายการผลิต เผยว่า “ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ได้ดำเนินการตามแนวทางของผู้ริเริ่มในการเป็นผู้ประกอบการที่ยั่งยืน โดยการสร้างโรงงานผลิตคุณภาพสูง มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมต่ำ และมีศักยภาพในการผลิตสูง ณ เมืองครูว์ เรามุ่งมั่นที่จะลดการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และทีมงานของเราได้นำมาดำเนินการอย่างยอดเยี่ยมและต่อเนื่องเพื่อลดผลกระทบในแต่ละปี โดยเป้าหมายสูงสุดของเราคือการสร้างมาตรฐานการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2573

“เรามีพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจนและตัวเลขล่าสุดครอบคลุมทุกธุรกิจ แสดงให้เห็นการลดลงของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันถึง 81% แม้ว่าเราได้ขยายขอบเขตของการวัดผลเพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานของเรามากขึ้น เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นและความคืบหน้าที่เรากำลังดำเนินการ”

การลงทุนระยะยาวและการวางแผนล่วงหน้าช่วยให้มั่นใจได้ว่าพลังงานไฟฟ้าและก๊าซที่เบนท์ลีย์ มอเตอร์สใช้นั้นสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ 100% ซึ่งผลิตขึ้นจากแผงโซลาร์เซลล์ขนาด 7.7 เมกะวัตต์ ณ โรงงานฯ ในเมืองครูว์ หรือนำมาใช้โดยการรับประกันแหล่งกำเนิดพลังงานหมุนเวียนได้ 100% (ReGo) และการรับประกันแหล่งกำเนิดก๊าซหมุนเวียนได้ 100% (RGGO) ขณะเดียวกัน การลงทุนในการสร้างหม้อไอน้ำขนาด 5.5 เมกะวัตต์รุ่นใหม่ที่ประหยัดพลังงานทั้งสามตัวยังช่วยลดการใช้พลังงานลงอย่างมากและทำให้การใช้ก๊าซที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ณ ปัจจุบัน พลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไม่ได้เป็นเพียงเชื้อเพลิงสำหรับใช้ในการดำเนินงานของโรงงานฯเท่านั้น ด้วยการติดตั้งสถานีชาร์จกว่า 130 จุดทั่วโรงงานฯ ซึ่งขณะนี้สามารถชาร์จรถยนต์รุ่นไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตตลอดระยะการวิจัยและพัฒนาได้ และยังช่วยขับเคลื่อนการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของพนักงาน ด้วยรถยนต์ไฮบริดซึ่งมีการปล่อยมลพิษที่เป็นศูนย์ โดยรวมอยู่ในโครงการรถยนต์ของบริษัทฯด้วย

สำหรับการขนส่งในพื้นที่ยังได้รับการพิจารณาด้วยการติดตั้งถังเชื้อเพลิงแบบหมุนเวียน ‘Green D+’ ขนาด 34,000 ลิตรที่โรงงานฯ เพื่อให้รถขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ (HGV) ในพื้นที่ และพื้นที่อื่นๆที่ไม่มีระบบไฟฟ้าได้ใช้เชื้อเพลิงซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากท่อไอเสียของยานพาหนะขนส่งได้กว่า 86 % เมื่อเทียบกับน้ำมันดีเซลปกติ ซึ่งการใช้เชื้อเพลิงแบบธรรมดาของรถยนต์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้ายังคงได้รับการสนับสนุนโดย Verified Carbon Standard offsets (Verra)

ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนให้เห็นการทำงานเกือบสองทศวรรษในการสร้างแหล่งประวัติศาสตร์ของเมืองครูว์ให้เป็นแหล่งพลังงานและเป็นกลางทางคาร์บอนได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่าที่จะเป็นไปได้ แม้ว่าบางส่วนของโรงงานฯจะก่อตั้งตั้งแต่ช่วงปี 2473 แต่ในปี 2542 เบนท์ลีย์ มอเตอรส์ได้เป็นผู้ผลิตอัครยนตรกรรมรายแรกของสหราชอาณาจักรที่ได้รับมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม ISO 14001 และได้มีการปรับปรุงโรงงานฯ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้พลังงานให้เกิดประโยชน์สูงสุดและลดการปล่อยมลพิษอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์ Beyond100 กับพันธกิจการขับเคลื่อนแบรนด์สู่ความยั่งยืน

โรงงานเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ ณ เมืองครูว์มีลานจอดรถยนต์พลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของสหราชอาณาจักร ครอบคลุมพื้นที่จอดรถกว่า 1,378 คัน บนพื้นที่กว่า 16,426 ตร.ม. ประกอบด้วยแผงโซลาร์เซลล์กว่า 10,000 แผง ขนาด 2.7 เมกกะวัตต์ และเมื่อรวมกับแผงโซลาร์เซลล์ จำนวน 20,815 แผงที่ติดตั้งกับหลังคาโรงงานฯ กำลังการผลิตพลังงานของแผงโซลาร์เซลล์จะรวมกันอยู่ที่ 7.7 เมกะวัตต์ เพียงพอสำหรับจ่ายไฟให้กับบ้านเรือนกว่า 1,750 หลังคาเรือน

เบนท์ลีย์ มอเตอรส์กำลังเร่งผลักดันสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าด้วยการเปิดตัวอัครยนตรกรรมเบนท์ลีย์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบคันแรกโดยกำหนดไว้ภายในปี 2568 เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ Beyond100 ในปี 2564 เราได้เห็นการมาถึงของ Flying Spur Hybrid เคียงคู่กับ Bentayga Hybrid และเบนท์ลีย์ มอเตอรส์ตั้งเป้าที่จะใช้เครื่องยนต์ไฮบริดกับทุกรุ่นภายในปี 2567

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles