“บริทาเนีย” หรือ “BRI” ประกาศความสำเร็จการเติบโตอย่างต่อเนื่องช่วง 1 ปีหลังเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ บุกหลายทำเลศูนย์กลางการใช้ชีวิตผู้บริโภคยุคใหม่ กวาดยอดขาย (พรีเซล) ทะลุ 11,000 ล้านบาทตามเป้า ชูจุดแกร่งฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบที่รัก ดีไซน์เพื่อคนทุกเจเนอเรชั่น รองรับเมกะเทรนด์ชูพลังงานสะอาด ได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรร่วมทุนโครงการอย่างต่อเนื่อง เล็งประกาศแผนธุรกิจปี 2566 ปลาย ก.พ.นี้
นายสุรินทร์ สหชาติโภคานันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาบ้านจัดสรรเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบที่รัก กล่าวว่า หลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อช่วงปลายปี 2564 บริษัทได้มุ่งมั่นเดินหน้าสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยปี 2565 ดำเนินกลยุทธ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Growth Together’ ควบคู่กับการยกระดับ Brand Promise สู่ “CRAFT a life you love” หรือ “ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก” ส่งผลให้ในปี 2565 บริษัทได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างยอดเยี่ยม สามารถกวาดยอดขาย (พรีเซล) ไปได้มากกว่า 11,045 ล้านบาท หรือเติบโต 32% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่เท่ากับ 8,371 ล้านบาท ถือเป็นยอดขายที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท (All Time High)
ยอดขายดังกล่าวมาจากโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบที่อยู่ระหว่างการขายรวมทั้งสิ้น 28 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวเป็นโครงการที่เปิดตัวใหม่ในปี 2565 จำนวน 9 โครงการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีทั้งโครงการใหม่และกลุ่มโครงการที่เปิดตัวในปีก่อนหน้าที่มียอดขายเติบโตต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักที่ทำให้ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ได้แก่ 1.การเลือกบุกทำเลที่เป็นศูนย์กลางด้านต่างๆ (Hub Location) อาทิ ทำเลศูนย์กลางโลจิสติกส์ของภูมิภาคอย่างอุดรธานี ทำเลเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) อย่างระยอง ทำเลแหล่งชุมชนใกล้ศูนย์การค้า โรงเรียน โรงพยาบาล รอบกรุงเทพฯและปริมณฑล 2.การออกแบบแต่ละโครงการให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนทุกเจเนอเรชั่น คำนึงถึงฟังก์ชันที่คนแต่ละเจเนอเรชั่นต้องการใช้งาน ทั้งพ่อ แม่ ลูก รวมถึงผู้สูงอายุ 3.การเพิ่มฟังก์ชันตอบโจทย์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ความร่วมมือกับบริษัท ออริจิ้น กันกุล เอ็นเนอร์ยี จำกัด ทยอยติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ให้กับบ้านภายใต้โครงการแกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) การติดตั้ง EV Charger ให้กับบ้านตัวอย่างโครงการบริทาเนีย อมตะ-พานทอง และ 4.การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิต เช่น การติดตั้งจุดชาร์จ USB ทุกจุดสำคัญของบ้าน
“แม้เราอาจจะเป็นน้องใหม่ที่เพิ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้เพียง 1 ปีเศษ แต่เรามุ่งมั่นศึกษา Insight ของผู้บริโภค พัฒนาตัวเอง พัฒนาฟังก์ชันใหม่ๆ และขยายไปสู่ทำเลใหม่ๆ ให้กว้างขึ้น ครอบคลุมขึ้น เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม ทุกเจเนอเรชั่น และเราจะยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตได้ในแบบที่รักจริงๆ”
นายสุรินทร์ กล่าวอีกว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่งผลให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากบริษัทพันธมิตรชาติต่างๆ เข้าร่วมทุน (Joint Venture) อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ได้ร่วมทุนกับพันธมิตรแล้วจำนวน 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการกว่า 8,850 ล้านบาท กับ 2 พันธมิตร ได้แก่ 1.บริษัท โลฟิส (ไทยแลนด์) จำกัด กลุ่มทุนจากฮ่องกง เข้าร่วมทุนโครงการบริทาเนีย อมตะ-พานทอง แกรนด์ บริทาเนีย บางนา กม.35 และแกรนด์ บริทาเนีย คูคต สเตชั่น 2.บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับท็อปจากญี่ปุ่น เข้าร่วมทุนโครงการบริทาเนีย ทาวน์ บางนา กม.17 และบริทาเนีย โฮม บางนา กม.17
ทั้งนี้ ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศในปี 2566 มีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยภาพรวม GDP ของประเทศมีโอกาสเติบโต 3-5% บริษัทจึงยังคงมีความมั่นใจในการเติบโตที่มากกว่าปีที่ผ่านมา คาดว่าจะเปิดเผยแผนธุรกิจปี 2566 อย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายเดือน ก.พ.นี้