28 C
Bangkok
Saturday, December 21, 2024
musubishi900x192px_2024
Honda_900x192px 2024
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Mitsubishi_900x192px_2
previous arrow
next arrow

คอนติเนนทอล และ Land Life พัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนด้วยหุ่นยนต์เพาะเมล็ดพืช

แฟรงก์เฟิร์ต, เยอรมนี : คอนติเนนทอลกำลังพัฒนาหุ่นยนต์เพาะเมล็ดพืชร่วมกับ Land Life บริษัทที่เน้นการฟื้นฟูธรรมชาติเพื่อบรรเทาผลกระทบจากการตัดไม้ทำลายป่า หุ่นยนต์นี้สามารถเพาะเมล็ดพืชได้ในอัตรา 1 เมล็ดต่อ 1 นาที โดยยานยนต์ที่ควบคุมระยะไกลจะเพาะเมล็ดลงในดินได้มากถึง 60 เมล็ดต่อชั่วโมง ทำให้หุ่นยนต์นี้เป็นโซลูชันที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืนโดยเฉพาะการปลูกป่าทดแทนในภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม

Continental Engineering Services (CES) ผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมและการพัฒนาภายในบริษัท และ Land Life ร่วมมือกันนำหุ่นยนต์นวัตกรรมนี้เข้าสู่ตลาดเป็นครั้งแรก Land Life เป็นผู้นำตลาดระดับโลกด้านโซลูชันการฟื้นฟูและปลูกป่าใหม่โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ โดยบริษัทจะนำความเชี่ยวชาญเชิงลึกในโครงการฟื้นฟูธรรมชาติมาช่วยสนับสนุน ในขณะที่ CES กำลังพัฒนาระบบการเจาะและการเพาะเมล็ดอัตโนมัติ หุ่นยนต์ผู้ผลิตจากเยอรมนี Stella Engineering ซึ่งมีจำหน่ายในตลาดแล้วจะทำหน้าที่เป็นหน่วยขับเคลื่อนอัตโนมัติสำหรับการขนส่งหุ่นยนต์นี้

Martin Poettcher หัวหน้าฝ่าย Business Center GreenTech ของ CES กล่าวว่า “เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ Land Life เพื่อพัฒนาโซลูชันที่ยั่งยืนร่วมกันเพื่อการอนุรักษ์และปกป้องระบบนิเวศที่สำคัญ เราได้ดัดแปลงหุ่นยนต์ให้เข้ากับเทคโนโลยียานยนต์ที่แข็งแกร่งและได้รับการพิสูจน์แล้วเพื่อให้หุ่นยนต์สามารถทำงานได้โดยอัตโนมัติและปลอดภัยแม้ในพื้นที่ขรุขระ ความร่วมมือของเราจะเป็นประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมอย่างเห็นได้ชัด”

ตามรายงานการติดตามของสถาบันทรัพยากรโลก (WRI) การสูญเสียพื้นที่ป่าทั่วโลกเพิ่มขึ้น 24 เปอร์เซ็นต์ในปีพ.ศ. 2566 จาก 22.8 ล้านเฮกตาร์ในปีพ.ศ.2565 เป็น 28.3 ล้านเฮกตาร์ในปีพ.ศ. 2566 การสูญเสียป่าดิบชื้นนับว่าเป็นเรื่องที่ร้ายแรง โดยรวมแล้ว พื้นที่ป่าหายไปประมาณ 37,000 ตารางกิโลเมตร (3.7 ล้านเฮกตาร์)ในปีพ.ศ. 2566 ตามข้อมูลของ WRI โลกสูญเสียพื้นที่ป่าดิบชื้นไป 3 ถึง 4 ล้านเฮกตาร์ต่อปีในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ป่าดิบชื้นมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความหลากหลายทางชีวภาพ การกักเก็บคาร์บอน และการควบคุมผลกระทบต่อสภาพอากาศในระดับภูมิภาคและท้องถิ่น

เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบร้ายแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นไฟป่าหรือการตัดไม้ทำลายป่าอย่างต่อเนื่อง การฟื้นฟูระบบนิเวศจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม วิธีการปลูกป่าทดแทนแบบเดิมมักไม่สามารถทำได้จริงโดยเฉพาะในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ยาก จึงจำเป็นต้องใช้วิธีการขั้นสูง หุ่นยนต์เพาะเมล็ดพืชจึงเป็นทางเลือกใหม่ในการฟื้นฟูป่าไม้ ช่วยปกป้องสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ

การฟื้นฟูที่ยั่งยืน ปฏิบัติได้จริง เป็นธรรมชาติ

“ความร่วมมือของเรากับ CES จะช่วยเสริมสร้างความหลากหลายทางชีวภาพและขยายระบบนิเวศธรรมชาติ การทำงานร่วมกันระหว่างผู้ที่มีความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของ CES และประสบการณ์การปลูกป่าทดแทนของ Land Life จะช่วยส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูธรรมชาติคุณภาพสูงทั่วโลก” Harrie Lövenstein หัวหน้าฝ่ายวิจัยและพัฒนาของ Land Life อธิบาย “ความร่วมมือของเราเป็นแนวทางแบบสหวิทยาการซึ่งมีความจำเป็นต่อการพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมที่จะปกป้องระบบนิเวศในอนาคต ความเชี่ยวชาญด้านยานยนต์ของคอนติเนนทอลในการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีคุณภาพสูงและแข็งแกร่งทำให้เราก้าวหน้าในด้านเทคโนโลยีการปลูกป่าทดแทนแบบสร้างสรรค์”

หุ่นยนต์เพาะเมล็ดพืชมีข้อดีหลายประการเมื่อเปรียบเทียบกับเทคนิคการเพาะปลูกแบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น หุ่นยนต์ใช้เทคนิคการเพาะเมล็ดพืชโดยตรงแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ โมดูลการเจาะและเพาะเมล็ดที่พัฒนาโดย CES เป็นหัวใจสำคัญของเครื่องเพาะเมล็ดอัตโนมัติ โดยกลไกการทำงานมีดังนี้ ขั้นแรก กำจัดวัชพืชและหญ้าที่ปกคลุมดิน จากนั้นหุ่นยนต์จะทำการเจาะหลุมที่มีความลึกและความกว้างเหมาะสมกับดินและต้นไม้ จากนั้นจึงหย่อนเมล็ดพืชลงในรูที่เจาะโดยใช้ลมอัด ดินที่ถูกเจาะออกมาจะถูกนำกลับมาโรยทับเมล็ดอีกครั้ง กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งนาที

การใช้หุ่นยนต์เพาะเมล็ดสำหรับการปลูกป่าทั่วโลก

โครงการการปลูกป่าในพื้นที่ที่มีภูมิศาสตร์ต่างๆทั่วโลกนั้นต้องการโซลูชันที่มีความหลากหลายสูง โดยโซลูชันดังกล่าวต้องสามารถเพาะเมล็ดพันธุ์พื้นเมืองที่มีรูปทรงและขนาดต่างๆได้อย่างง่ายดาย ขณะเดียวกันก็ต้องฝ่าฟันภูมิประเทศที่แตกต่างกันอย่างมาก เช่น พื้นที่ที่มีหินและทราย  ทางลาดชัน รวมถึงพื้นที่ลื่นที่ปกคลุมด้วยกิ่งไม้และเศษซากต่างๆ และต้องรับประกันการหว่านเมล็ดที่แม่นยำและมีคุณภาพสูงพร้อมปฏิบัติตามแผนการเพาะเมล็ดที่กำหนดไว้ เทคโนโลยีนวัตกรรมที่พัฒนาโดย CES ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเมล็ดจะถูกเพาะอย่างเหมาะสม หุ่นยนต์ได้รับการออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่เชื่อถือได้และแข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมต่างๆ สามารถรับมือกับสภาพดินที่หลากหลาย สภาพอากาศที่รุนแรง ฝุ่นละออง และอุณหภูมิที่ผันผวนอย่างรุนแรงได้ โดยช่วยให้พื้นที่ดินที่เสื่อมโทรมได้รับการฟื้นฟูอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นวัตกรรมนี้ไม่ใช่แค่การปลูกต้นไม้เท่านั้นแต่ยังรวมถึงการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนอีกด้วย

CES กำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่ยั่งยืนเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อม

CES ได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการพัฒนาสีเขียวมากขึ้น ฝ่าย GreenTech ของผู้ให้บริการด้านวิศวกรรมใช้แนวทางแบบองค์รวมเพื่อความยั่งยืนทางนิเวศ เช่น การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานของระบบเทคโนโลยีและเครื่องจักร ส่งผลให้เกิดโซลูชันทางเทคโนโลยีใหม่ๆมากมาย ล่าสุด CES ได้พัฒนาระบบควบคุมวัชพืชสำหรับการกำจัดวัชพืชอัตโนมัติและการปกป้องพืชผล ระบบนี้ผสมผสานเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ยานยนต์ที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและปัญญาประดิษฐ์เพื่อให้สามารถจัดการวัชพืชได้อย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หุ่นยนต์เพาะเมล็ดพืชนับเป็นก้าวต่อไปในการดูแลระบบนิเวศที่สำคัญและใส่ใจสิ่งแวดล้อม

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles