24.9 C
Bangkok
Tuesday, December 3, 2024
Mitsubishi
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

GWM ฉลอง 3 ปี ตั้งเป้าสู่ Top 3 ผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าในไทยภายในปี 2569

เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประกาศความสำเร็จของการดำเนินงาน รวมถึงแถลงกลยุทธ์ด้านต่าง ๆ เพื่อก้าวขึ้นสู่ 3 อันดับแรก ของแบรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้า (xEV) ในประเทศไทย ภายในระยะเวลา 3 ปี หรือภายในปี 2569 ภายในงานเฉลิมฉลองครบรอบ 3 ปีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย หรือ GWM 3rd Brand Anniversary ณ โรงภาพยนตร์ ICONSIAM Cineconic ศูนย์การค้า ICONSIAM พร้อมเดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยสู่การเป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าในอาเซียนอย่างยั่งยืน

ภายในงาน ได้รับเกียรติจากผู้บริหารระดับสูงของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ นำโดย มร. ไคล์ด เฉิง ประธาน นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน และ นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) พร้อมคณะผู้บริหาร พาร์ทเนอร์ ลูกค้า และสื่อมวลชน เข้าร่วมงาน พร้อมรับฟังการแถลงกลยุทธ์การดำเนินงานในปี 2567 และสรุปภาพรวมความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

ในปี 2567 นี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ คาดว่าตลาดรถยนต์ไทยจะมียอดขายโดยประมาณทั้งสิ้น 820,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาประมาณ 6% โดยกลุ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าหรือกลุ่ม xEV จะเติบโตขึ้นประมาณ 40% หรือคิดเป็น 33 % ของตลาดทั้งหมด และมียอดขายประมาณ 270,000 คัน นอกจากนี้ รถยนต์ไฟฟ้า 100% จะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากนโยบายการสนับสนุนของภาครัฐ EV 3.5 และการเข้ามาของแบรนด์ใหม่ ๆ  โดยคาดการณ์ว่าประเทศไทยจะมียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 130,000 คัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 16% ของตลาดรวมทั้งหมด เพิ่มขึ้นเกือบ 70% จากปี 2566 ที่ผ่านมา

นายณรงค์ สีตลายน กรรมการผู้จัดการ เกรท วอลล์ มอเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า “การดำเนินธุรกิจในประเทศไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของเราที่ได้เข้ามาจุดกระแสและผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยให้เติบโตอย่างเป็นรูปธรรม เราเข้ามาสร้างปรากฏการณ์และเรื่องราวน่าประทับใจมากมาย เรานำผลิตภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยเข้ามาตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนไทย พร้อมนำรูปแบบการดำเนินธุรกิจแบบใหม่ หรือ New Retail Business ด้วยนโยบายราคาเดียว หรือ One Price Policy มาปฏิวัติแนวทางปฏิบัติอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย และเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบการขายของผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น ๆ ยิ่งไปกว่านั้น เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเป็นแบรนด์แรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจอย่างจริงจังด้านรถยนต์พลังงานใหม่ และเป็นแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์แรก ๆ ที่ได้ลงนามกับกรมสรรพสามิตเพื่อเข้าร่วมนโยบายการส่งเสริมการผลิตและการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง EV 3.0 และ EV 3.5 จน ORA Good Cat ได้ขึ้นแท่นเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่มียอดจดทะเบียนสูงที่สุดในประเทศไทยในปี 2565 นอกจากนี้ ได้ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยในปีที่ 3 ด้วยการบรรลุ Mission 9 in 3 หรือการเปิดตัวรถยนต์ครบ 9 รุ่น ภายในระยะเวลา 3 ปี อย่างงดงาม ในการก้าวเข้าสู่การดำเนินงานปีที่ 4 เรายังคงมุ่งมั่นส่งมอบรถยนต์ที่มีคุณภาพและเทคโนโลยีอันล้ำสมัย และคุ้มค่าคุ้มราคาสำหรับลูกค้าชาวไทย รวมถึงผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางด้านการผลิตและจำหน่ายรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคและในระดับโลกต่อไป”

นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังเผยถึงเป้าหมายสำคัญของบริษัทฯ ในการก้าวขึ้นสู่การเป็นหนึ่งในผู้นำ 3 อันดับแรกของแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย ภายใน 3 ปี โดยตั้งเป้ายอดขายในปี 2567 อยู่ที่ 25,000 คัน และวาง 3 กลยุทธ์หลักเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ได้แก่

– ด้านผลิตภัณฑ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ถือเป็นแบรนด์ที่มีจุดแข็งด้านผลิตภัณฑ์รถยนต์พลังงงานใหม่ที่ครอบคลุม ทั้งไฮบริด
ปลั๊กอิน-ไฮบริด และรถยนต์ไฟฟ้า 100% ในหลายเซ็กเมนต์ โดยในปีนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าหมายใหม่ด้วยการเพิ่มรถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ xEV ในประเทศไทยให้ครบทั้งสิ้น 15 รุ่น ภายในปี 2568 และในปี 2567 บริษัทฯ วางแผนที่จะเปิดตัวยานยนต์พลังงานใหม่อย่างน้อย 3 รุ่นในไทย รวมถึงวางแผนที่จะทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้า 100% ที่เป็นเอสยูวี และศึกษาการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะระดับสูง เช่น Hi-4 และ Coffee Intelligence System มาพัฒนาร่วมกับรถยนต์ไฟฟ้าที่จะแนะนำสู่ตลาดไทยในอนาคตอีกด้วย

– ด้านการขาย มุ่งเน้นการยกระดับประสบการณ์ให้ลูกค้าโดยยึดผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง (User-centric) และนโยบายราคาเดียว (One Price Policy) โดย เกรท วอลล์ มอเตอร์ จะเดินหน้าต่อยอดธุรกิจฟลีทในกลุ่มหน่วยงานภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน่วยงานที่สนับสนุนการใช้รถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น รวมถึงการต่อยอดธุรกิจรถยนต์ใช้แล้ว (GWM Certified Pre-Owned) เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการขายรถ หรือต้องการประเมินราคาขายรถใช้แล้ว และลูกค้าที่ต้องการเป็นเจ้าของรถ GWM คุณภาพดี ด้านการจัดจำหน่าย ในปี 2567 เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะขยายเครือข่าย GWM Partner Store ให้ครบ 101 แห่งทั่วประเทศ และการขยาย Partner Store ขนาด S ในจังหวัดขนาดเล็ก และ XS รูปแบบใหม่ในอำเภอรองของจังหวัดใหญ่ เพื่อสร้างเครือข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ควบคู่กับการขยายสถานีชาร์จ (DC Fast Charge) ให้ครบ 55 แห่ง ภายในปี 2567

– ด้านการบริการหลังการขาย เป็นกลยุทธ์ที่สำคัญของบริษัทฯ ในการสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับผู้บริโภครอบด้าน ด้วย GWM Smart Service ระบบการบริการอัจฉริยะที่ใช้เทคโนโลยีอันล้ำสมัยในการยกระดับการบริการแก่ลูกค้า การบริหารจัดการอะไหล่ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการขยายพื้นที่คลังอะไหล่และเพิ่มขีดความสามารถในการจัดส่งอะไหล่ให้ดีและรวดเร็วยิ่งขึ้น และการพัฒนาศักยภาพช่างเทคนิค โดยบริษัทฯ มีแผนเปิดศูนย์ฝึกอบรมแห่งใหม่ เพื่อรองรับการฝึกอบรมให้ช่าง GWM ทั่วประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ในความรู้และทักษะในการซ่อมบำรุงรักษารถ GWM ได้อย่างถูกต้องตามมาตรฐานสากล รวมถึงการสร้างความอุ่นใจในการเป็นเจ้าของรถยนต์ GWM โดยรถยนต์ของ GWM ทุกคันมาพร้อมแพ็คเกจการบำรุงรักษาตามระยะทาง ฟรี ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่ ตลอดระยะเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และ 5 ปี 75,000 กิโลเมตร ควบคู่กับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง (Roadside Assistance) ยิ่งไปกว่านั้น บริษัทฯ ยังจัดตั้ง EV Battery Rapid Team หรือหน่วยงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพื่อให้คำแนะนำและตรวจสอบสภาพแบตเตอรี่หลังเกิดอุบัติเหตุ และ GWM BATTERY HOTLINE สายด่วนเพื่อรับแจ้งปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่และการเคลมโดยให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย

นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองประธานฝ่ายการตลาด เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียน กล่าวว่า “เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในฐานะหนึ่งในผู้นำด้านยานยนต์พลังงานใหม่ (xEV Leader) เรามุ่งมั่นที่จะส่งมอบผลิตภัณฑ์ การบริการ ที่เปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้แก่ผู้บริโภค โดยการพัฒนาขีดความสามารถให้ครอบคลุมรอบด้าน ทั้งด้านการวิจัยและพัฒนา การผลิต และการจำหน่าย สู่มาตรฐานในระดับสากล ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีการขับขี่อัจฉริยะ (Intelligent Driving) ควบคู่กับการขยายเครือข่ายการลงทุนในภูมิภาคต่าง ๆ รอบโลกอย่างต่อเนื่อง เช่น ทวีปยุโรป ทวีปอเมริกาเหนือ และทวีปเอเชีย โดยปัจจุบันเรามีโรงงานผลิตรวมแล้วกว่า 13 แห่ง สาขาอีกกว่า 700 สาขา ครอบคลุมกว่า 170 ประเทศทั่วโลก ซึ่งในปี 2566 มียอดขายรถยนต์ทั่วโลกทั้งหมด 1.23 ล้านคัน ซึ่งถือเป็นปีที่ 8 ที่เรามียอดขายทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคันอย่างต่อเนื่อง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของผู้บริโภคทั่วโลกที่มีต่อบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ภายในระยะเวลาเพียง 3 ปี บริษัทฯ ยังได้ขยายการดำเนินธุรกิจสู่ตลาดภูมิภาคอาเซียน 9 ประเทศ คือ ไทย มาเลเซีย ลาว สิงคโปร์ อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน เวียดนาม และกัมพูชา ถือเป็นแบรนด์รถยนต์จีนรายแรกที่มีการขยายธุรกิจครอบคลุมตลาดหลักในภูมิภาคอาเซียนได้สำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2567 และปีถัด ๆ ไป เราจะไม่หยุดยั้งในการพัฒนานวัตกรรมที่เต็มเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีทันสมัย และการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ เพื่อขอบคุณการสนับสนุนจากแฟน ๆ อันดีเสมอมา”

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles