เพราะความสำเร็จในโลกมอเตอร์สปอร์ต 2 ล้อ หรือ จักรยานยนต์ทางเรียบ ไม่ได้มีเพียงเส้นทางของ “เวิลด์ กรังด์ปรีซ์” ซึ่งใช้รถแข่งโปรโตไทป์ลงต่อสู้กันในสังเวียนความเร็ว
แต่ทางคู่ขนานโลกของยานยนต์ก็ขับเคลื่อนด้วยสิ่งที่เรียกว่า “โปรดักชั่นไบค์” หรือจักรยานยนต์ที่ถูกวางจำหน่ายจริงในตลาดทั่วโลก ซึ่งถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของแต่ละแบรนด์ได้เป็นอย่างดี

“ฮอนด้า” เป็นหนึ่งในค่ายมอเตอร์ไซค์ที่ทุ่มสุดความสามารถทั้งการแข่งขันด้วยโปรโตไทป์ และรถแข่งที่มาจากโปรดักชั่นไบค์ทุกระดับทั้งใน เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ และการแข่งขันระดับภูมิภาคเพื่อผลักดันนักบิดขึ้นสู่ระดับสูงสุดของโลกในแต่ละสาย
สำหรับ ไทยฮอนด้า ที่ยังคงให้ความสำคัญในการผลักดันเด็กไทยสู่การแข่งขันแต่ละระดับ นอกจากนักกีฬา ยังมีทีมช่าง วิศวกรการแข่งขัน และการบริหารงานในเรซระดับนานาชาติ ขณะเดียวกันยังเป็นการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของรถแข่ง ฮอนด้า ในแต่ละคลาสที่ลงสู่สนามด้วย

ในปี 2025 นับเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 10 ปี ที่ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” กลับมาสร้างทีมของตัวเองในการแข่งขันระดับชิงแชมป์เอเชีย โดยทีมชุดนี้ประกอบด้วยทีมช่างและวิศวกรการแข่งขัน ที่สั่งสมประสบการณ์ทั้งในระดับโลกและเอเชียมาแล้ว ขณะเดียวกันยังนำโดยนักบิดมากประสบการณ์อย่าง “ชิพ” นครินทร์ อธิรัฐภูวภัทร์ อดีตนักบิดโมโตทรีชาวไทยคนแรกในประวัติศาสตร์
“ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ในปี 2025 โชว์ความแข็งแกร่งอย่างมากในศึก เอเชีย โร้ด เรซซิ่ง แชมเปี้ยนชิพ โดยเฉพาะในรุ่นใหญ่ที่สุดอย่าง เอเชีย ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี ภายใต้การบิดของ “ชิพ-นครินทร์” กับรถแข่งคู่ใจอย่าง Honda CBR1000RR หมายเลข 41

“ชิพ-นครินทร์” เปิดตัวร้อนแรงด้วยการคว้าชัยชนะทั้ง 2 เรซ ในสนามแรกที่ บุรีรัมย์ มีลุ้นแชมป์เอเชียอย่างเต็มตัว ก่อนจะเดินหน้าเก็บแต้มอย่างต่อเนื่อง แต่จากจุดเปลี่ยนหลายอย่างส่งผลให้ตกเป็นรองคู่แข่งหลังผ่าน 4 สนามแรก
ทว่าเมื่อเข้าสู่สนามรองสุดท้ายที่ มาเลเซีย นักบิดไทยพลิกกลับมาเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ก่อนกลับมาลุ้นแชมป์ในโฮมเรซ ซึ่งเป็นสนามสุดท้าย โดย “ชิพ-นครินทร์” โชว์ฟอร์มร้อนแรงคว้าชัยชนะเรซสุดท้ายมาครอง ส่งผลให้เขาผงาดรั้งตำแหน่งรองแชมป์เอเชียอย่างสมภาคภูมิ ด้วยคะแนนเป็นรองเพียง 3 แต้มเท่านั้น

ตลอดทั้งปี “ชิพ-นครินทร์” คว้ามาได้ทั้งสิ้น 6 โพเดียม และ 3 ชัยชนะ นอกจากนี้เขายังได้รับโอกาสขึ้นไปแข่งขันใน โมโตทู เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 ร่วมกับ อิเดมิตสึ ฮอนด้า ทีม เอเชีย ทั้งสิ้น 5 สนาม ได้แก่ สเปน, อิตาลี, เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย และ ฮังการี โดยเจ้าตัวมีพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการเก็บประสบการณ์ในศึก เอ็มเอฟเจ ออลเจแปน โร้ด เรซ แชมเปี้ยนชิพ 2025 ด้วย
นอกจากนี้ “ชิพ-นครินทร์” ยังได้รับโอกาสสำคัญเข้าร่วมแข่งขันในศึก เอ็นดูรานซ์ เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 2025 กับรายการระดับตำนานของโลกอย่าง ซูซูกะ 8 ชั่วโมง 2025 ร่วมกับสังกัด ฮอนด้า เอเชีย-ดรีม เรซซิ่ง วิท แอสเตโม ด้วยการผนึกกำลังกับ อัซรอย ฮาคีม อานัวร์ และ ซัควาน ไซดี้ สร้างผลงานที่แข็งแกร่งด้วยการคว้าอันดับ 10 มาครองได้สำเร็จ

ซึ่งหากดูจากรายการที่ลงแข่งแล้ว “ชิพ-นครินทร์” อาจถูกจัดเป็นนักบิดที่ลงแข่งหลายรายการมากที่สุดในโลกสำหรับฤดูกาล 2025 ก็เป็นได้
ความท้าทายของ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ไม่ได้มีเพียงในรุ่นใหญ่อย่าง ซูเปอร์ไบค์ 1,000 ซีซี เพราะในปีนี้พวกเขายังส่งทีมเข้าร่วมล่าความสำเร็จในรุ่น ซูเปอร์สปอร์ต 600 ซีซี ด้วยกองทัพดาวรุ่งเลือดใหม่ ประกอบด้วย “มิกซ์” ธนัช ละอองปลิว และ “ไฮเปค” กฤษฎา ธนโชติ ซึ่งถูกวางเป็นกำลังของทีมในอนาคต

“มิกซ์-ธนัช” สร้างผลงานอย่างโดดเด่นด้วยการขยับขึ้นไปลุ้นชัยชนะได้ทุกเรซ เก็บมาได้ทั้งสิ้น 120 คะแนน รั้งอันดับ 5 บนตารางคะแนนสะสมเมื่อจบฤดูกาล ผลงานดีที่สุดคือการคว้าชัยชนะเรซสุดท้ายในโฮมเรซที่ บุรีรัมย์ ขณะที่ “ไฮเปค-กฤษฎา” ถือเป็นปีที่เขาได้เรียนรู้อย่างเต็มที่ ผลงานดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 2 ที่ อินโดนีเซีย และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 บนตารางแชมเปี้ยนชิพ เก็บไปทั้งสิ้น 75 คะแนน
ส่วนในรุ่นเล็กอย่าง เอเชีย โปรดักชั่น 250 ซีซี ในปีนี้ ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ใช้การแข่งขันในรุ่นนี้มอบโอกาสสำหรับดาวรุ่งจากโครงการ “ไทยแลนด์ ทาเลนต์ คัพ” ให้ได้สัมผัสการต่อสู้ระดับสูง ด้วยการสอบสิทธิ์ไวลด์การ์ดให้ลงแข่งในโฮมเรซ ทั้งสนามแรกและสนามสุดท้าย ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์
“อุ้ม” นพรุธพงษ์ บุญประเวศ ดาวรุ่งวัย 17 ปี สร้างผลงานอย่างโดดเด่นในการแข่งขันด้วยสิทธิ์ไวลด์การ์ด เขาพารถแข่ง Honda CBR250RR ขึ้นไปต่อสู้ในกลุ่มหน้ากับคู่แข่งที่ผ่านการแข่งขันระดับโลกมาแล้วอย่างสุดมันส์ ก่อนจะคว้าโพเดียมมาได้ทั้ง 2 เรซ นั่นคืออันดับ 3 จากเรซแรก และอันดับ 2 จากเรซสุดท้าย ถือเป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ส่วนทีมเมทอย่าง “เฟอร์” ปัญจรุจน์ จิตวิรุฬห์ฉัตร โดดเด่นไม่แพ้กันด้วยการคว้าอันดับ 6 และอันดับ 5 มาครอง
นอกจากนี้ ยังมีชื่อ “ชินโจ” ณภัทร จาตูม นักบิดดาวรุ่งของทีมที่ได้สิทธิ์ไวลด์การ์ดลงแข่งขันในรุ่นนี้ตั้งแต่สนามแรกของปี โดยเจ้าตัวลงเก็บประสบการณ์และบิดคว้าแต้มมาได้สำเร็จทั้ง 2 เรซ ด้วยการคว้าอันดับ 10 และ 11 มาครอง
เส้นทางของ “ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ที่จะผลักดันให้วงการมอเตอร์สปอร์ตไทยแข็งแกร่งในทุกระดับ ในการแข่งขันระดับนานาชาติถูกวางไว้อย่างเป็นรูปแบบ มีการปั้นนักบิดระดับเยาวชนขึ้นมาเสริมทัพอย่างต่อเนื่องในทุกปี และยังคงเฟ้นหา “เพชรเม็ดงาม” เสมอเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของเป้าหมายอันยิ่งใหญ่นี้
แฟนความเร็วชาวไทยสามารถส่งกำลังใจเชียร์นักบิดฮอนด้าพร้อมติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เฟซบุ๊ก ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ : https://facebook.com/HondaRacingTeamTH








