มิลาน, อิตาลี “ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เผยโฉมไลน์อัพใหม่ที่เสริมทัพความหลากหลายรับปี 2026 ภายในงาน EICMA ที่เมืองมิลาน ประเทศอิตาลี โดยมีไฮไลต์สำคัญคือ CB1000GT “สปอร์ตทัวเรอร์” รุ่นใหม่ และ Honda WN7 จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของฮอนด้า

พร้อมกันนี้ รถจักรยานยนต์ฮอนด้า ภูมิใจนำเสนอต้นแบบเครื่องยนต์ V3R 900 E-Compressor Prototype ซึ่งรวมร่างเครื่องยนต์ V3 รุ่นใหม่เข้ากับคอมเพรสเซอร์ชนิดควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ สะท้อนพัฒนาการของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ไม่เคยมีใครในโลกทำได้มาก่อน* โดดเด่นด้วยโครงสร้างแชสซีสะดุดตา ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความมุ่งมั่นในการส่งมอบเทคโนโลยีล้ำสมัยให้เข้าถึงผู้ขับขี่ทุกกลุ่มจึงได้เพิ่มเทคโนโลยี Honda E-Clutch ให้ครอบคลุมจักรยานยนต์ยอดนิยมเพิ่มอีก 5 รุ่น ตามมาด้วยการเผยโฉมจักรยานยนต์รุ่น CB1000F เป็นครั้งแรกในยุโรป, ปรับโฉมจักรยานยนต์รุ่น SH125i ครั้งใหญ่ รวมทั้งเปิดตัวแบรนด์ดิ้งใหม่สำหรับรถ EV และคอลเลกชันเครื่องแต่งกายใหม่หมดจด ตอกย้ำเจตนารมณ์ของฮอนด้าในการตอบสนองทุกความต้องการของผู้ขับขี่ด้วยกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและครบถ้วนที่สุดในอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์

CB1000GT
CB1000GT สปอร์ตทัวเรอร์รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งมาเติมเต็มไลน์อัพฮอนด้าด้วยทางเลือกสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการรถจักรยานยนต์ที่ครบครันทุกฟังก์ชัน อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย มอบความสะดวกสบายสูงสุดในการเดินทางระยะไกล พร้อมความเร้าใจเมื่อเข้าสู่ทางโค้งคดเคี้ยว เครื่องยนต์ขับเคลื่อนได้รับอิทธิพลจากจักรยานยนต์ตระกูล Fireblade ขุมพลังเดียวกับที่ใช้ใน CB1000 Hornet รุ่น GT ผสานทั้งสมรรถนะสปอร์ตและความสบายในการเดินทางไกลได้อย่างลงตัว โดดเด่นด้วยดีไซน์ดุดัน โช้กอัพ Showa EERA (Electronically Equipped Ride Adjustment) และแฟริ่งที่ออกแบบมาอย่างลงตัวด้วยระบบจำลองการไหลของอากาศด้วยคอมพิวเตอร์ เพื่อประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์และการป้องกันลมฝนอย่างสูงสุด พ่วงด้วยรายการอุปกรณ์มาตรฐานอย่างจัดเต็ม ทั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire), กล่องสัมภาระด้านหลัง, ระบบควบคุมแรงดันเบรกขณะเข้าโค้ง (cornering ABS) ด้วยเซนเซอร์วัดความเฉื่อย (IMU) แบบ 6 แกน, การ์ดแฮนด์, ขาตั้งกลาง, ระบบเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วโดยไม่ต้องบีบคลัตช์ (Quickshifter), ปลอกแฮนด์อุ่นมือ, ไฟเลี้ยวตัดอัตโนมัติ, ไฟฉุกเฉินกระพริบอัตโนมัติเมื่อเบรกกะทันหัน (emergency stop signal), ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (cruise control) และการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอกผ่าน Honda RoadSync

Honda WN7
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า เปิดตัว Honda WN7 รถจักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกของแบรนด์อย่างเป็นทางการในงาน EICMA พัฒนาให้ขับขี่ได้เงียบ นุ่มนวล และเร่งความเร็วได้ทันใจในแบบเฉพาะของรถไฟฟ้าภายใต้แนวคิด “Be the Wind” โดยผ่านการทดสอบบนถนนมาแล้วทั่วยุโรป เพื่อให้มั่นใจว่า Honda WN7 จะสามารถถ่ายทอดเอกลักษณ์แห่งความสนุก สมดุล และความมั่นคงในสไตล์ของรถจักรยานยนต์ฮอนด้าได้อย่างเต็มเปี่ยม
Honda WN7 มาพร้อมแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนขนาด 9.3 กิโลวัตต์ชั่วโมง ทำงานร่วมกับมอเตอร์ขนาด 18 กิโลวัตต์ รองรับใบอนุญาตขับขี่ระดับ A2 (A2 Licence Compliant) ให้ระยะทางวิ่งได้ถึง 140 กิโลเมตรต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง นอกจากจะชาร์จไฟบ้านได้แล้ว ยังชาร์จผ่านระบบ CCS2 (Combined Charging System Type 2) แบบเดียวกับของรถยนต์ไฟฟ้าได้ด้วย โดยใช้เวลาเพียง 30 นาทีในการชาร์จจาก 20% เป็น 80%
ด้านสมรรถนะและเทคโนโลยี ครบครันด้วยไฟส่องสว่างแบบ full LED รอบคัน, “ไฟวิ่งกลางวัน” ลายเฉพาะ, แชสซีแบบไร้เฟรม, ระบบช่วยเข็นเดินหน้า/ถอยหลัง, โหมดกำลังขับเคลื่อนหลายระดับ, ระบบเลือกการหน่วงขณะชะลอความเร็วจากการชาร์จพลังงานกลับเข้าสู่แบตเตอรี่ (Regenerative Deceleration Selector), โหมดเดินหน้า/ถอยหลังแบบความเร็วเท่าเดิน, ระบบช่วยจำกัดความเร็วแบบปรับตั้งได้ (SSLA : Selectable Speed Limit Assist), ระบบควบคุมแรงดันเบรกขณะเข้าโค้ง (Cornering ABS) และระบบควบคุมแรงบิด Honda Selectable Torque Control (HSTC)
นอกจากจากดีไซน์เพรียว ล้ำอนาคตแล้ว จักรยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นนี้ยังเสริมความสมบูรณ์แบบด้วยตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์ฮอนด้าแบบใหม่ สมความล้ำ นับเป็นการเปิดตัวทั้ง Honda WN7 และแบรนด์ดิ้งใหม่สำหรับกลุ่มรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าไปพร้อม ๆ กัน

V3R 900 E-Compressor Prototype
รถจักรยานยนต์ฮอนด้า พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ให้มีขนาดกะทัดรัด ความจุ 900 ซีซี โดยใช้พื้นฐานการออกแบบจากเครื่องยนต์ V3 ที่ตัวลูกสูบจัดเรียงในมุม 75 องศาแบบตัววีและระบายความร้อนด้วยน้ำ (water-cooled 75-degree V3 engine) เคยเปิดตัวเป็นต้นแบบแล้วในงาน EICMA 2024 ที่ผ่านมา เครื่องยนต์รุ่นนี้มาพร้อมคอมเพรสเซอร์ชนิดควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ นับเป็นครั้งแรกของโลกในรถจักรยานยนต์ ช่วยให้แรงบิดตอบสนองได้ฉับไวตั้งแต่รอบต่ำ ด้วยการควบคุมแรงอัดของอากาศที่ไหลเข้าสู่เครื่องยนต์โดยไม่ขึ้นกับรอบการทำงาน เป็นคุณสมบัติสำคัญที่ผลักดันให้ฮอนด้ามุ่งพัฒนาเครื่องยนต์ขนาด 900 ซีซี ที่ให้สมรรถนะเหนือระดับเทียบเท่าเครื่องยนต์ 1200 ซีซีได้ พร้อมทั้งยังคงไว้ซึ่งความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ต้นแบบรุ่นนี้พัฒนาภายใต้แนวคิด “รถไฟเหาะแบบไม่ต้องพึ่งราง” (“Non-rail Rollercoaster”) สื่อถึงความตั้งใจของฮอนด้าในการสร้างรถที่ผสานสองแนวคิดเข้าด้วยกันคือ “เร้าใจแน่” (guaranteed thrill) และ “สบายใจหายห่วง” (reassuring peace of mind) ตัวรถมาพร้อมแฟริ่งด้านข้างดีไซน์ไม่สมมาตร ถังน้ำมันติดตราสัญลักษณ์ “Honda Flagship Wing” แบบใหม่ที่เริ่มใช้เป็นครั้งแรก ฮอนด้าตั้งใจให้ต้นแบบเครื่องยนต์ V3R 900 E-Compressor Prototype เป็นอีกหนึ่งหมุดหมายใหม่ในเส้นทางแห่งความท้าทาย เพื่อมอบประสบการณ์ความสนุก ความตื่นเต้น และความภาคภูมิใจของการเป็นเจ้าของในแบบที่หาไม่ได้จากที่อื่น หลังจากนี้ฮอนด้าพร้อมแล้วที่จะเดินเครื่องสู่การผลิตจริงต่อไป

จักรยานยนต์ XL750 Transalp, CB750 Hornet, NX500, CBR500R และ CB500 Hornet ทั้งหมดนี้รุ่นปี 2026 (26YM) มี Honda E-Clutch ให้เลือกแล้ว
สำหรับรุ่นปี 2026 (26YM) ระบบคลัตช์อัตโนมัติ Honda E-Clutch ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในรถ 4 สูบคลาสมิดเดิลเวท (4-cylinder middleweight) อย่าง CBR650R และ CB650R เมื่อปี 2024 จะพร้อมให้เลือกเป็นออปชันในรถอีก 5 รุ่นเป็นครั้งแรก ระบบนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของฮอนด้า ทำงานได้รวดเร็วและนุ่มนวลยิ่งกว่า Quickshifter (ระบบเปลี่ยนเกียร์รวดเร็วโดยไม่ต้องบีบคลัตช์) มอบประสบการณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตเหนือระดับ
อีกทั้งยังใช้งานง่าย เพียงใช้เท้าเปลี่ยนเกียร์ ไม่ต้องบีบคลัตช์เวลาออกตัว หยุดรถ หรือเปลี่ยนเกียร์ แต่หากต้องการก็ยังสามารถใช้คลัตช์แบบปกติได้ เพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นในการขับขี่ สำหรับรุ่น Transalp และ Hornet ระบบ Honda E-Clutch ติดตั้งมาพร้อมระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire) เป็นครั้งแรก ช่วยให้ระบบสามารถเร่งรอบเครื่องยนต์อัตโนมัติ เพื่อปรับรอบเครื่องให้สัมพันธ์กับความเร็วของล้อหลัง และลดเกียร์ได้อย่างนุ่มนวลและแม่นยำยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันในรุ่น Transalp ยังได้รับการปรับแต่งให้สามารถเพิ่มเกียร์ได้อย่างราบรื่น แม้ในช่วงที่ล้อหลังกำลังหมุนอยู่ระหว่างการขับขี่แบบออฟโรด โดยระบบ Honda E-Clutch ที่ทำงานร่วมกับระบบคันเร่งไฟฟ้า (Throttle-by-Wire) จะควบคุมการทำงานอย่างแม่นยำจากข้อมูลการตรวจจับความเร็วล้อหน้าและล้อหลัง
นอกจากนี้ ระบบ Honda E-Clutch ยังมีให้เลือกเป็นออปชันในรถคลาส 500 ซีซี ยอดนิยมอีก 3 รุ่น ได้แก่ CB500 Hornet, NX500 และ CBR500R การผสานความสปอร์ต ความง่ายในการใช้งาน และประโยชน์ใช้สอยอเนกประสงค์นี้ นับเป็นการเปิดมิติใหม่ของการขับขี่ให้ผู้ขับขี่หลากหลายกลุ่มที่ชื่นชอบทั้งสามรุ่นนี้อยู่แล้ว อีกทั้งเป็นครั้งแรกที่เทคโนโลยี Honda E-Clutch เข้ามาอยู่ในรถที่รองรับใบอนุญาตขับขี่ระดับ A2 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ขับขี่รุ่นใหม่ไฟแรงทั่วยุโรปได้สัมผัสสมรรถนะเหนือระดับของเทคโนโลยีนี้อย่างแท้จริง

SH125i
SH125i สกู๊ตเตอร์ยอดนิยมอันดับหนึ่งของยุโรป กลับมาพร้อมโฉมใหม่ในรุ่นปี 2026 (26YM) ภายใต้ดีไซน์ที่เฉียบคมยิ่งขึ้น มาพร้อมลายไฟส่องสว่างใหม่ และหน้าจอ TFT ขนาด 5 นิ้ว ที่เพิ่มเสน่ห์ให้รุ่นนี้โดดเด่นยิ่งกว่าเดิม ด้านหน้าของตัวรถได้รับการออกแบบใหม่ด้วยแรงบันดาลใจจากรุ่น SH350i เพื่อผสานรูปลักษณ์ของจักรยานยนต์ตระกูล SH ทั้งสามรุ่นให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยทั้งหมดผลิตที่โรงงานในเมืองอาเตสซา (Atessa) ประเทศอิตาลี ด้วยแนวคิดการออกแบบที่ให้ความรู้สึกถึงความเป็น “เส้นเดียว” จากหน้าจรดท้าย จักรยานยนต์ตระกูล SH รุ่นปี 2026 (26YM) จึงมีบุคลิกโดดเด่นด้วยความเรียบง่ายแต่สะดุดตา คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณของ SH พร้อมพัฒนาให้ก้าวล้ำไปอีกขั้นจากรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีรุ่น SH150i สำหรับจำหน่ายในบางประเทศอีกด้วย

CB1000F มาพร้อมสีใหม่หลายรุ่น
ภายในงาน EICMA รถจักรยานยนต์ฮอนด้ายังได้จัดแสดง CB1000F จักรยานยนต์แนวเรโทรสมรรถนะสูง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เป็นรถประเภท “Big Naked” ที่ควบคุมง่าย ตอบโจทย์ครบเครื่อง รูปลักษณ์เร้าใจ สเปกจัดเต็ม และขุมพลังแรงจากเครื่องยนต์ที่พัฒนาต่อยอดจากจักรยานยนต์ตระกูล Fireblade
นอกจากนี้ ยังมีการเผยโฉมสีใหม่สำหรับ NC750X จักรยานสไตล์ครอสโอเวอร์, SH350i รุ่นเรือธงแห่งตระกูล SH รวมถึง “ทัวเรอร์” ระดับตำนาน ได้แก่จักรยานยนต์ทางไกลรุ่น Gold Wing และ Gold Wing Tour ซึ่งชื่อ Gold Wing นี้กำลังก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่หกของการผลิตอย่างภาคภูมิ

การคอลแล็บกันระหว่างแบรนด์ Honda × Kuromi
อีกหนึ่งไฮไลต์ภายในบูธของฮอนด้าในงาน EICMA คือรถจักรยานยนต์รุ่นพิเศษสองรุ่นที่ตกแต่งลวดลาย “คุโรมิ” (Kuromi) ตัวการ์ตูนยอดนิยมของบริษัท ซานริโอ จำกัด (Sanrio Co., Ltd.) ซึ่งฮอนด้าได้จับมือคอลแล็บเพื่องาน EICMA นี้โดยเฉพาะ ประกอบด้วยรุ่น CB750 Hornet ในโทนสีม่วง-ชมพู และรุ่น CBR1000RR-R Fireblade ในโทนสีดำ-ม่วงในแบบของคุโรมิ สะท้อนความตั้งใจของฮอนด้าในการขยายฐานลูกค้ารถจักรยานยนต์ให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ทุกกลุ่ม

ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์: www.thaihonda.co.th , เฟซบุ๊กรถจักรยานยนต์ฮอนด้า: www.facebook.com/hondamotorcyclethailand , IG: www.instagram.com/hondamotorcyclethailand , TikTok: www.tiktok.com/@hondamotorcycletha และ YouTube: www.youtube.com/HondaMotorcycleTHA




