22.9 C
Bangkok
Tuesday, December 24, 2024
musubishi900x192px_2024
Honda_900x192px 2024
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Mitsubishi_900x192px_2
previous arrow
next arrow

พีจีเอทัวร์กับสถิติที่น่าใจในเดือนตุลาคม’67

การเปลี่ยนกริพพัตเตอร์และการจับไม้พัตเตอร์ใหม่สร้างความแตกต่างให้กับ นิโก้ เอชาวาร์เรีย อย่างเห็นได้ชัด เมื่อโปรกอล์ฟหนุ่มวัย 30 ปีจากโคลัมเบีย ผงาดครองแชมป์โซโซ แชมเปี้ยนชิพ ที่ประเทศญี่ปุ่นในการลงเล่นครั้งแรก โดยทำเบอร์ดี้หลุมสุดท้าย ในหลุม 18 พาร์ 5 เฉือนชนะ จัสติน โธมัส ดีกรีสองแชมป์เมเจอร์ และแม็กซ์ เกรย์เซอร์แมน ที่จับคู่กับเขาคว้าอันดับ 4 ร่วมในการแข่งขันแบบทีมรายการซูริก คลาสสิค ออฟ นิวออร์ลีน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา (ภาพ: Getty Images)

เอชาวาร์เรีย” คว้าแชมป์ที่ญี่ปุ่น

เอชาวาร์เรีย เข้าสู่การแข่งขันที่สนามแอคคอร์เดีย กอล์ฟ นาราชิโนะ คันทรีคลับ โดยมีสถิติ Strokes Gained: Putting รั้งอันดับ 107 ของทัวร์ แต่ได้มีการฝึกซ้อมรูปแบบใหม่กับโค้ชของเขาที่ลาสเวกัส ในสัปดาห์ซึ่งโปรกอล์ฟจากโคลัมเบียไม่ผ่านการตัดตัวรายการไชรเนอร์ส ชิลเดนส์ โอเพ่น อย่างไรก็ตาม เอชาวาร์เรียยังไม่ค่อยพอใจกับผลการฝึกซ้อม จึงตัดสินใจเปลี่ยนกริพพัตเตอร์ในวันอังคารหลังจากเดินทางญี่ปุ่น

การปรับเปลี่ยนได้ผลอย่างน่าทึ่ง เอชาวาร์เรียประเดิมสองวันแรกด้วยผลงานการตี 64 ทั้งสองวัน และรั้งอันดับ 8 ของสถิติ Strokes Gained: Putting ในสัปดาห์ดังกล่าว ครองอันดับหนึ่งสถิติ putts per green in regulation และอันดับสองสถิติ total putts ทำไป 106 พัตต์ตลอดสัปดาห์  โดยในหลุม 18 พาร์ 5 ทำสกอร์ 5 อันเดอร์พาร์ เทียบเท่าสถิติดีที่สุดของสัปดาห์ และทำสกอร์ 9 อันเดอร์พาร์ในสี่หลุมสุดท้ายตลอดสี่วันแบบไม่เสียโบกี้ นอกจากนี้เอชาวาร์เรีย ยังมีค่าเฉลี่ยการเล่นที่หลุม 18 ดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในสนาม .51 สโตรก และทำสองพัตต์เบอร์ดี้ในรอบสุดท้ายคว้าแชมป์ไปครองสำเร็จ 

ผลงานการเล่นหลุมพาร์ 3 ของเอชาวาร์เรีย ก็ทำได้ดีเช่นกัน ทำสกอร์ 10 อันเดอร์พาร์ ทาบสถิติดีที่สุดที่ จัสติน เลียวนาร์ด ทำไว้เมื่อครั้งคว้าแชมป์ในปี 1983 และการทำสกอร์เฉลี่ย 2.50 ในหลุมพาร์ 3 ก็เป็นสถิติสกอร์ต่ำสุดอันดับ 3 ของตำแหน่งแชมป์รายการนี้นับตั้งแต่ปี 2003 โดยมีสถิติ strokes gained total ที่หลุมพาร์ 3 อยู่ที่  7.61 และพัตต์ลงรวมระยะ 122 ฟุต 8 นิ้ว ขณะเดียวกันเอชาวาร์เรีย จบผลงานด้วยสกอร์รวมต่ำสุดในอาชีพที่ 20 อันเดอร์พาร์ 260 ดีกว่าสถิติทัวร์นาเมนท์นี้ที่ไทเกอร์ วูดส์ ทำไว้ในปี 2019  อยู่ 1 สโตรก และเป็นแชมป์พีจีเอทัวร์รายการที่สองของโปรกอล์ฟจากโคลัมเบีย

LAS VEGAS, NEVADA – OCTOBER 20: J.T. Poston of the United States celebrates after winning the final round of the Shriners Children’s Open 2024 at TPC Summerlin on October 20, 2024 in Las Vegas, Nevada. (Photo by Orlando Ramirez/Getty Images)

“พอสตัน” ครองแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น

เจ.ที. พอสตัน พบคอมฟอร์ทโซนที่สนามทีพีซี ซัมเมอร์ลิน และคว้าแชมป์รายการไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น ในปีนี้ ซึ่งเป็นผลงานในท็อป 4 ครั้งที่สามของเขาที่สนามนี้ และทำสถิติตี 67 สโตรก หรือดีกว่าตลอดการแข่งขันสี่รอบเป็นครั้งที่สองในพีจีเอทัวร์ โดยเมื่อปีที่แล้วเปรสตันจบอันดับ 3 ร่วม

ช็อตไดรฟ์ของพอสตันไม่ค่อยดีนักตีเข้าเป้าเพียง 34 จาก 56 แฟร์เวย์ เทียบเท่าสถิติตีเข้าแฟร์เวย์น้อยที่สุดของตำแหน่งแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น แต่ยังสามารถรั้งอันดับท็อป 20 ใน 4 รายการของสถิติ Strokes Gained  ได้แก่อันดับ 15 Off the Tee, อันดับ 20  Approach the Green และอันดับ 6 สองรายการทั้ง Putting และ Around the Green ซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นตลอดการเล่นอาชีพ

โปรกอล์ฟจากนอร์ธแคโรไลนา โดดเด่นในการเล่นที่หลุมพาร์ 5 โดยทำ 3 อีเกิ้ล และ 4 เบอร์ดี้  นั้นเท่ากับว่าพอสตันทำอีเกิ้ลที่ซัมเมอร์ลิน ทุกๆ 63 หลุม และทำไป 8 จากการลงเล่นทั้งหมด 504 หลุมที่สนามนี้ เทียบกับค่าเฉลี่ยของนักกอล์ฟอาชีพในพีจีเอทัวร์ จะทำ 1 อีเกิ้ลในการเล่น 182 หลุม

พอสตันทำสกอร์รวม 22 อันเดอร์พาร์ เป็นสถิติสกอร์รวมต่ำสุดลำดับ 4 ในอาชีพของเขา โดยแต้มส่วนใหญ่มาจากการเล่นในช่วง 5 หลุมสุดท้ายของแต่ละรอบ ซึ่งเขาทำได้ 11 อันเดอร์พาร์ มากกว่าแชมป์ไชรเนอร์ส ชิลเดรนส์ โอเพ่น คนอื่นๆ  รวมถึงมากว่า เบน มาร์ติน ในปี 2014  ขณะเดียวกันในสัปดาห์ดังกล่าว เปรสตัน ยังมีสถิติ Stroke Gained : Tee to Green  9.82 สโตรก ดีกว่าผู้เล่นคนอื่นๆ ในสนาม 49 หลุมจากทั้งหมด 72 หลุม

ST GEORGE, UTAH – OCTOBER 13: Matt McCarty of the United States celebrates on the 18th green after winning the final round of the Black Desert Championship 2024 at Black Desert Resort on October 13, 2024 in St George, Utah. (Photo by Christian Petersen/Getty Images)

“แม็คคาร์ธี” ประเดิมแชมป์แบล็ค ดีเสิร์ต

ถือเป็นสัปดาห์ของการแข่งขันแบล็ค ดีเสิร์ต แชมปี้ยนชิพ ครั้งแรก อีกทั้งเป็นทัวร์นาเมนท์แรกของพีจีเอทัวร์ที่จัดแข่งในยูทาห์ นับตั้งแต่ปี 1963  และเป็นโปรกอล์ฟหน้าใหม่ของทัวร์หรือรุกกี้อย่าง แมตต์ แม็คคาร์ธี ที่ประเดิมคว้าแชมป์ไปครองเป็นคนแรก

แม็คคาร์ธี เพิ่งคว้าตั๋วเข้ามาเล่นในพีจีเอทัวร์ ที่ยูทาห์ จากผลงานคว้าแชมป์ 3 รายการในเวทีคอร์น เฟอร์รี ทัวร์ ชัยชนะที่ยูทาห์ เป็นแชมป์รายการที่ 4 ของเขาจากการลงเล่น 10 รายการ ทำให้แม็คคาร์ธี กลายเป็นนักกอล์ฟคนที่สองที่ชนะในปีเดียวกันหลังจากเลื่อนชั้น นับตั้งแต่ เจสัน กอร์ ทำได้ในปี 2005 ขณะเดียวกันแม็คคาร์ธี คว้าแชมป์พีจีเอทัวร์แรกสำเร็จในการลงเล่นรายการที่ 3 โดยก่อนหน้ามีนักกอล์ฟเพียงสองคนที่ลงเล่นน้อยกว่าและได้แชมป์ นั่นคือ จิม เบนาเป (1) และแกร์เร็ตต์ ฮิกโก้  (2)

แม็คคาร์ธี เข้าสู่รอบสุดท้ายโดยมีสกอร์นำอยู่ 2 สโตรก และชนะคู่แข่งไป 3 สโตรกเมื่อจบการแข่งขัน  พร้อมรั้งตำแหน่งผู้นำ Strokes Gained: Total  +15.13 สโตรก โชว์ฟอร์มเยี่ยมโดยเฉพาะในการเล่นช่วง 3 หลุมสุดท้าย ทำได้ 7 อันเดอร์ มีสถิติ Strokes Gained: Tee to Green 3.46 และ Strokes Gained: Around the Green 4.28 ซึ่งดีที่สุดในสนามนี้ทั้งสองราย นอกจากนี้เขายังทำ 2 อีเกิลในหลุมพาร์ 4 เท่ากับ ดัสจิน จอห์นสัน (ทำได้สองครั้ง), ร็อคโก้ เมดิเอต และแบรด แฟ็กซั่น ในฐานะแชมป์ของพีจีเอทัวร์ที่ทำได้

JACKSON, MISSISSIPPI – OCTOBER 06: Kevin Yu of Chinese Taipei poses with the trophy on the 18th green as he takes a selfie after his winning putt during the first playoff hole of the final round of the Sanderson Farms Championship 2024 at the Country Club of Jackson on October 06, 2024 in Jackson, Mississippi. (Photo by Justin Casterline/Getty Images)

“หยู” ประกาศศักดาที่มิสซิสซิปปี้

การแข่งขันรายการแซนเดอร์สัน ฟาร์มส์ แชมเปี้ยนชิพ มอบประสบการณ์ที่ยอดเยียมให้กับแชมป์สมัยแรกมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในปี 2024 ก็เช่นกันเมื่อ เควิน หยู โปรกอล์ฟจากไต้หวัน ที่ตามอยู่สองสโตรก ฮึดสู้สุดกำลัง จนทำเบอร์ดี้สำคัญที่หลุม 18 ในรอบปกติ และในรอบเพลย์ออฟ ก่อนเอาชนะ โบ ฮอสเลอร์ ผงาดคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์รายแรกมาครองได้สำเร็จ

ชัยชนะดังกล่าว ทำให้เควิน หยู กลายเป็นนักกลอ์ฟไต้หวันคนที่ 3 ที่สามารถคว้าแชมป์พีจีเอทัวร์มาครองได้ ตามรอย ซี.ที. ปัน และที.ซี. เฉิน และเป็นแชมป์คนแรกครั้งที่ 14 ของรายการนี้ ขณะเดียวกันการคว้าแชมป์ของเควิน หยู เกิดขึ้นหลังลงเล่นในพีจีเอทัวร์ รายการที่ 56

สกอร์รวม 23 อันเดอร์พาร์ของเควิน หยู ถือเป็นสถิติของสนามคันทรีคลับ ออฟ แจ๊คสัน ขณะที่เปอร์เซนต์ความแม่นยำในการไดร์ฟอยู่ที่ 51.80 เทียบเท่ากับสถิติต่ำสุดอันดับ 4 ของตำแหน่งแชมป์ในฤดูกาลนี้ แต่เควิน หยู ได้ฟอร์มการพัตต์ที่ร้อนแรงมาชดเชย โดยทำได้ 27 เบอร์ดี้ (มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ในอาชีพ) รั้งอันดับ 2 ในระยะการพัตต์สนามนี้ มีสถิติ Strokes Gained: Putting อยู่ที่ 8.66 สโตรก ส่วนสถิติ  Strokes Gained: Total  +12.52 ดีกว่าสถิติดีที่สุดที่สุดก่อนหน้านี้ของเขาที่เคยทำได้ในรายการไมร์เทิล บีช คลาสสิค เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา  2 ½  สโตรก 

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles