29.3 C
Bangkok
Friday, July 5, 2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/finance/offers.html?gagcmid=GA_16621475037_153239610427_662308114214&gad_source=1&gclid=Cj0KCQjwir2xBhC_ARIsAMTXk857jTSdUXpkaXpWmnd52hYaIiSYB7ZK87GyAU_rQMaBpJNjvCX4NOoaAkfEEALw_wcB&gclsrc=aw.ds#contact
https://www.bitec.co.th/th/event/fast-auto-show-thailand-2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
benz900x192px_1
Fast Auto Show Thailand 2024
previous arrow
next arrow

เอ็มจี ฉลองแบรนด์ครบ 100 ปี นำรถใหม่หลากรุ่น ลุยงาน Motor Show 2024

บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์ – ซีพี จำกัด และ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและผู้จำหน่ายรถยนต์เอ็มจีในประเทศไทย ฉลองครบรอบ 100 ปี พร้อมเดินหน้าสร้างสีสันวงการยานยนต์ไทย ส่งยนตรกรรมใหม่เปิดตัวต่อเนื่อง นำโดย NEW MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์ไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่ง รุ่นพวงมาลัยขวา ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน พร้อมด้วย แฮทช์แบ็คไฟฟ้าที่ขับสนุกและเร้าใจอย่าง NEW MG4 ELECTRIC นำโดยรุ่น XPOWER  และอีก 2 รุ่นที่ผลิตภายในประเทศ กับ รุ่น STANDARD RANGE และ รุ่น LONG RANGE บิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่เปิดโอกาสให้คนไทยได้สัมผัสและเป็นเจ้าของก่อนใคร กับ E-MPV ไซส์กลาง อย่าง NEW MG MAXUS 7 และชูความเป็นสปอร์ต คูเป้ซีดานที่แตกต่างกว่าใครกับ NEW MG5 PRO โฉมล่าสุด มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างที่สุดในเซกเมนต์ และการออกแบบโฉมใหม่ที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่าเดิม พร้อมให้คนไทยพบกับ 4 สุดยอดไฮไลท์เด่นและยนตรกรรมทุกรูปแบบการขับเคลื่อนจาก เอ็มจี ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ระหว่าง 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายนนี้ ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นาย ซู๋ว หยิ่น กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งนี้ ถือเป็นความเคลื่อนไหวครั้งสำคัญของแบรนด์ เอ็มจี ในการสร้าง “สีสัน” ให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย และเป็นการเดินหน้าแบรนด์สู่หมุดหมายใหญ่ในการเป็น Top 3 ของอุตสาหกรรม พร้อมสะท้อนให้เห็นถึงแนวทางและทิศทางของแบรนด์ที่มุ่งขยายไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ ด้วยการนำเสนอเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent) เข้ามาใช้ในการทำงาน รวมถึงแนะนำผลิตภัณฑ์ เอ็มจี ให้ลูกค้าภายในงาน ด้วยยนตรกรรมที่มีความหลากหลาย เพิ่มทางเลือกให้ครอบคลุมในทุกไลฟ์สไตล์ โดย เอ็มจี นำทัพยนตรกรรมรุ่นใหม่มาเปิดตัวพร้อมกันมากที่สุดถึง 4 รุ่น อีกทั้งยังมีแคมเปญพิเศษสำหรับยนตรกรรม ที่ครบในทุกรูปแบบการขับเคลื่อน” 

ครั้งแรกในภูมิภาคอาเซียน กับสปอร์ตโรดสเตอร์อีวี รุ่นสำคัญฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง NEW MG CYBERSTER 

เปิดขบวนกับ “การกลับมาอีกครั้งของตำนานสปอร์ตโรดสเตอร์” (THE LEGEND IS BACK) ในรูปแบบพลังงานไฟฟ้าแบบเปิดประทุน 2 ที่นั่งอย่าง NEW MG CYBERSTER ยนตรกรรมที่สร้างตำนานบทใหม่ ให้กับเอ็มจี ด้วยภารกิจที่ทาง เอ็มจี ฉลองครบรอบ 100 ปี อย่าง “CHARGING INTO THE FUTURE” กับการเดินทางข้ามผ่านเส้นทางมากกว่า 25 ประเทศ รวมระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร โดยฝาแฝด  “THE TURNER TWINS” ได้เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และในวันนี้

NEW MG CYBERSTER พวงมาลัยขวา พร้อมเปิดตัวเป็นประเทศแรกของภูมิภาคอาเซียน โดยถือเป็นยนตรกรรมรุ่นเรือธงของ เอ็มจี ในการบุกตลาดอีวีทั่วโลก ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่นจากการออกแบบโดย SAIC’s Advanced Design Studio ลอนดอน สหราชอาณาจักร สะกดทุกสายตาด้วยประตูปีกนกแบบปุ่มสัมผัสเปิด-ปิดและหลังคาซอฟต์ท็อป กระจังหน้าเรียวยาว ไฟหน้าออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ Eye of the Storm ไฟท้ายได้รับแรงบันดาลใจจากธงยูเนียนแจ็ค เส้นด้านข้างของตัวรถมีความโค้งมน พร้อมล้ออัลลอย 20 นิ้ว ภายในห้องโดยสารสีทูโทน ตกแต่งด้วยวัสดุ Soft touch เบาะนั่งแบบ Y-Shape ที่ออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ใช้วัสดุพรีเมียมอย่างหนังแบบ Nappa สลับหนัง Alcantara อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ไม่ว่าจะเป็น                     จอ Dashboard Triple-Screen ขนาด 7 นิ้ว ขนาด 10.25 นิ้ว และขนาด 7 นิ้ว จำนวน 3 จอเรียงต่อกัน พร้อมระบบอัจฉริยะ i-SMART ระบบเสียงคุณภาพจาก Bose พร้อมลำโพง 8 ตำแหน่ง

สมรรถนะอัดแน่นด้วยขุมพลังมอเตอร์คู่ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 725 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายในเวลาเพียง 3.2 วินาที มาพร้อมแบตเตอรี่ Ultra-Thin Rubik’s Cube ความจุ 77 kWh สามารถวิ่งได้ระยะทาง 503 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ระบบดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระ Double Wishbone และด้านหลังแบบอิสระ Multi-link จัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ ซึ่งครอบคลุมระบบความปลอดภัย ADAS ไว้อย่างครบถ้วน

ต่อยอดความสำเร็จของ “โกลบอลอีวีรุ่นยอดฮิต” กับประสบการณ์ครั้งใหม่ของ NEW MG4 ELECTRIC

NEW MG4 ELECTRIC รถแฮทช์แบ็คพลังงานไฟฟ้า 100% มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “ICON” นิยามของการเป็นต้นแบบและมาตรฐานใหม่ของรถอีวีที่ขับสนุก พัฒนาบนแพลตฟอร์ม NEBULA PURE ELECTRIC PLATFORM ที่ดีไซน์มาเพื่อรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ พร้อมจุดเด่นอันหลากหลาย อาทิ การกระจายน้ำหนัก แบบสมมาตร 50:50 ตัวถังมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ (Low Centre of Gravity) ช่วงล่างด้านหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท และด้านหลังอิสระแบบ 5-Link Suspension ทำให้ NEW MG4 ELECTRIC มีสมรรถนะและการควบคุมที่ดีเยี่ยม พร้อมระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM 26 ระบบ

โดย เอ็มจี ได้ต่อยอดความสำเร็จของยนตรกรรมรุ่นนี้ ด้วยการเพิ่มรุ่น ถือเป็น ICON ของ NEW MG4 ELECTRIC อย่าง XPOWER ที่มาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าคู่กับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ให้พละกำลังสูงสุด 435 แรงม้า (320 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร สามารถทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 3.8 วินาที แบตเตอรี่ Rubik’s Cube Battery ขนาดความจุ 64 kWh (NMC) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ภายนอกตัวถังสีใหม่สีเขียว Wild Hunter Green พร้อมด้วยหลังคาแบบทูโทน (Blacktop) ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ภายในให้ความสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุที่ใช้หุ้มเบาะที่ผสมผสานระหว่างหนังสังเคราะห์และหนังอัลคันทาร่าพร้อมเพิ่มเติมระบบ One Pedal เข้ามา เฉพาะในรุ่น XPOWER

รุ่นที่ผลิตจากสายการผลิตในไทยอย่าง รุ่น STANDARD RANGE (49kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 423 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้งตามมาตรฐาน NEDC และ รุ่น LONG RANGE (64kWh) สามารถวิ่งได้ระยะทาง 540 กิโลเมตร ต่อการชาร์จ 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC ที่พร้อมมอบ “ความเป็นที่สุด” ของ “แฮทช์แบ็คอีวีที่ขับสนุก” (THE BEST ENJOYABLE EV) โดยทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมปรับเปลี่ยนและเพิ่มเติมฟังก์ชันทั้งภายนอกและภายในรถ อาทิ ADAPTIVE GRILLE ช่วยระบายความร้อนของรถแบบอัตโนมัติ รวมถึงติดตั้ง

ใบปัดน้ำฝนด้านหลัง หน้าจอสีระบบสัมผัสที่ปรับให้ใหญ่ขึ้นจาก 10.25 นิ้ว เป็นขนาด 12 นิ้ว เพิ่มช่องวางแก้วด้านข้างประตู และเพิ่มราวมือจับสำหรับผู้นั่งโดยสาร (Assist Grip) 3 ตำแหน่ง

สำหรับรุ่น STANDARD RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว พร้อม AERO WHEEL COVER และรุ่น LONG RANGE มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมสีตัวถังใหม่สีส้ม (Fizzy Orange)  E-MPV ไซส์กลาง NEW MG MAXUS 7 ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ากลุ่มครอบครัวสมัยใหม่

ในงานนี้ เอ็มจี ได้นำ NEW MG MAXUS 7 มาจัดแสดงให้คนไทยได้สัมผัสกับคันจริงของ E-MPV ไซส์กลาง ขนาด 7 ที่นั่ง มาพร้อมฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่ทันสมัย งานดีไซน์ที่โดดเด่นตามแบบฉบับของ MG MAXUS Series ทั้งงานออกแบบและฟังก์ชันการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็น ประตูสไลด์ด้านข้างเปิดปิดด้วยไฟฟ้าพร้อมฝาท้ายไฟฟ้า ที่เปิดประตูแบบเก็บซ่อนในตัวรถ หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ ภายในดูเรียบและหรู ด้วยโทนสีดำและสีน้ำตาล ดีไซน์คอนโซลหน้าแบบ Dual Layer พร้อมที่วางแก้ว และรองรับการชาร์จแบบไร้สาย เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง

ห้องโดยสารให้ความสบายที่มากกว่า พร้อมที่นั่งแบบ Captain Seat ในแถวที่ 2 ที่โอบรับกระชับทุกสรีระ นอกจากนี้ ยังช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการขับขี่และการใช้งานฟังก์ชันต่างๆ ด้วยหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อกัน รวมถึงระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple CarPlay และ Android Auto และยังสามารถเปลี่ยนรถให้เป็นแหล่งพลังงานได้ด้วยระบบ V2L ที่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้าระดับ 6.6 kW นอกจากนี้ NEW MG MAXUS 7  ยังเป็นยนตรกรรมที่มีสมรรถนะชั้นเยี่ยม ด้วยขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุดที่ 245 แรงม้า แรงบิดที่ 350 นิวตัวเมตร พร้อมแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดความจุ 90 kWh ทำให้สามารถวิ่งได้ระยะทางกว่า 480 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน WLTP นอกจากนำมาจัดแสดงก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เอ็มจี ยังได้เปิดโอกาสให้คนไทยได้ Pre-booking เป็นเจ้าของ NEW MG MAXUS 7 ก่อนใคร ในงานนี้โดยสามารถจองล่วงหน้าผ่านช่องทางออนไลน์ ของ เอ็มจี ตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคม ถึง 30 เมษายน 2567 ด้วยข้อเสนอพิเศษ จอง 10,000 บาท สามารถใช้เป็นส่วนลดได้ 20,000 บาท

กล้าเป็นตัวเองในแบบฉบับที่ไม่เหมือนใคร กับ NEW MG5 PRO

NEW MG5 PRO กับจุดเด่นของการเป็นสปอร์ตคูเป้ซีดานโดยโฉมล่าสุดนี้ เอ็มจี ปรับให้โฉบเฉี่ยวสะกด ทุกสายตายิ่งกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น กระจังหน้าดีไซน์ใหม่ Black Chrome Gladius Grille Design เสริมความเป็นสปอร์ตพรีเมียมด้วยวัสดุ Smoke Chrome รอบคัน และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วสีดำ ไฟหน้าและไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์ใหม่ คงจุดเด่นด้วยห้องโดยสารที่กว้างสุดในเซกเมนต์ จัดเต็มด้วยฟังก์ชันที่ให้มาครบครันพร้อมดีไซน์สุดล้ำ โดยเฉพาะคอนโซลกลางแบบ Driver-focus cockpit ที่ให้องศาที่เหมาะกับตำแหน่งคนขับ

เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง หลังคาซันรูฟขนาดใหญ่ และคำนึงถึงผู้ใช้รถด้วยช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง หน้าจอทัชสกรีน 10 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว รองรับระบบเชื่อมต่อมัลติมีเดีย Apple Car Play และ Android Auto แบบไร้สาย รวมถึงระบบกุญแจแบบ Digital Key สามารถรับ-ส่งโค้ดผ่านทางแอพพลิเคชั่น i-SMART โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องใช้กุญแจในการสตาร์ท ให้ผู้ใช้งานรถมั่นใจด้วยระบบความปลอดภัยมาตรฐานยุโรปทำงานประสานกันเป็นหนึ่งเดียว (ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEM) สร้างความมั่นใจให้กับผู้ที่ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นดิสก์เบรก 4 ล้อ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเสริมแรงเบรกด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBA ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Detection System ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง 3 มิติ ระบบควบคุมการทรงตัวในขณะเข้าโค้ง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและการลื่นไถล ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน ถุงลมนิรภัย 6 จุด มาพร้อมสีตัวถังที่มีให้เลือกมากถึง 6 สี โดยมีสีใหม่อย่างสีเขียว Mineral Green เป็นสีไฮไลท์

พบกับ ทัพยนตรกรรมคุณภาพครบทุกรุ่นทุกรูปแบบการขับเคลื่อนของ เอ็มจี พร้อมสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ครั้งใหม่ และรับข้อเสนอสุดพิเศษมากมายภายในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 (Motor Show 2024) ณ บูธ เอ็มจี หมายเลข A8 อาคารชาเลนเจอร์ 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ระหว่าง 27 มีนาคม – 7 เมษายนนี้ และที่โชว์รูมและศูนย์บริการของเอ็มจีกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com , Line: @MGThailand,  Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand , Twitter: @mg_thailand , Instagram: @mgthailand , Youtube: MG Thailand , TikTok: @mgthailand และ Application: MG Thailand

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles