27.4 C
Bangkok
Sunday, December 15, 2024
Mitsubishi
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

‘มิชลิน’ และ ‘เบรมโบ้’ ร่วมพัฒนานวัตกรรมยกระดับความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการขับขี่

มิชลิน ผู้นำในอุตสาหกรรมยางรถยนต์และผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมวัสดุคอมโพสิต ร่วมกับ เบรมโบ้ (Brembo) ผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบ พัฒนา และผลิตสินค้าและโซลูชั่นด้านระบบเบรก ได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือระดับโลกเพื่อพัฒนาต่อยอดโซลูชั่นอัจฉริยะ (Intelligent Solutions) ของทั้งสองฝ่ายให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มศักยภาพ โดยมุ่งยกระดับสมรรถนะยานยนต์ ตลอดจนนำเสนอมาตรฐานความปลอดภัยและความสะดวกสบายขั้นสูงสุดให้กับผู้ขับขี่

ภายใต้ข้อตกลงร่วมพันธมิตรดังกล่าว มิชลิน และ เบรมโบ้ จะหลอมรวมความเชี่ยวชาญของแต่ละฝ่ายเข้าด้วยกัน ได้แก่ ความเป็นเลิศด้านระบบเบรก การจำลองแบบยานยนต์ และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) ของเบรมโบ้ และความเป็นผู้นำด้านการจำลองแบบยางล้อและการพัฒนาขั้นตอนชุดคำสั่ง หรือ “อัลกอริทึม” (Algorithm) ของมิชลิน

ทั้งนี้ นวัตกรรมที่พัฒนาร่วมกันตั้งอยู่บนพื้นฐานของการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างต่อเนื่องแบบนาทีต่อนาที (Real Time) ระหว่างซอฟท์แวร์โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อ (Connected Solutions Software) ของมิชลินที่ทำหน้าที่ส่งข้อมูลเกี่ยวกับการยึดเกาะพื้นถนนของยาง ไปยังนวัตกรรมระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้  ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับยางที่ได้รับช่วยให้ทีมวิศวกรสามารถปรับแต่งระบบเบรกได้แม่นยำเป็นพิเศษ ส่งผลให้คุณสมบัติการทำงานของระบบเบรก SENSIFY® มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น

โซลูชั่นบนเครือข่ายเชื่อมต่อที่ติดตั้งมากับยางมิชลินพัฒนาขึ้นจากความเชี่ยวชาญของกลุ่มมิชลินในด้านการสร้างแบบจำลองกายภาพของยางล้อและการจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์ (Tire Physics Modelling and Simulation) โดยมิชลินได้นำความรู้ความชำนาญในการวิเคราะห์ข้อมูลยานยนต์แบบทันทีทันใด (Live Vehicle Data Analysis) มาใช้พัฒนาซอฟท์แวร์หลากรูปแบบที่สามารถส่งข้อมูลแบบนาทีต่อนาทีให้กับรถยนต์ อาทิ ข้อมูลการสึกหรอ (Michelin SmartWear), ข้อมูลน้ำหนักบรรทุก (Michelin SmartLoad) และข้อมูลการยึดเกาะพื้นถนน (Michelin SmartGrip) โดยซอฟท์แวร์ของมิชลินสามารถทำงานร่วมกับยางรถยนต์ทุกแบรนด์ได้

ระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของระบบเบรกซึ่งพัฒนาขึ้นเพื่อยานยนต์รุ่นใหม่ที่ทันสมัย  ระบบเบรกรุ่นนี้มีทั้งความยืดหยุ่น ความสามารถในการรองรับยานยนต์หลากขนาด และศักยภาพในการปรับเปลี่ยนดัดแปลงให้เหมาะสม จึงใช้งานร่วมกับยานยนต์ทุกรุ่นได้ง่าย 

นอกจากนี้ ระบบเบรก SENSIFY® ยังผสานชิ้นส่วนระบบเบรกซึ่งได้รับการยอมรับระดับโลกของเบรมโบ้ เข้ากับสมองดิจิทัล (Digital Brain) ที่ช่วยยกระดับปัญญาประดิษฐ์ (AI), ขั้นตอนชุดคำสั่ง (Algorithm) และระบบเซ็นเซอร์ ให้สามารถควบคุมยางล้อแต่ละเส้นได้อย่างอิสระ ส่งผลให้ระบบเบรกดังกล่าวเป็นหนึ่งในระบบเบรกที่ทันสมัยที่สุดซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่เหนือระดับและความปลอดภัยที่ดียิ่งกว่า

การทดสอบเบื้องต้น…ทั้งที่จัดทำในโลกเสมือนและบนสนามทดสอบจริง…ให้ผลที่น่าพอใจ โดยระยะแรกของการทดสอบเป็นการนำยางล้อรุ่นต่าง ๆ และขั้นตอนชุดคำสั่งของมิชลินมาบูรณาการเข้ากับการจำลองแบบยานยนต์และระบบเบรกอัจฉริยะของเบรมโบ้ในสภาพแวดล้อมเสมือนอย่างเต็มรูปแบบ ส่วนในระยะที่สองเป็นการทดสอบทางกายภาพบนสนามทดสอบจริง ณ ศูนย์วิจัยของมิชลิน ซึ่งผลการทดสอบยืนยันผลลัพธ์ที่ได้จากการจำลองแบบด้วยคอมพิวเตอร์

ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าระยะเบรกลดลงสูงสุดถึง 4 เมตร (ราว 13 ฟุต)* ขณะที่ระบบเบรก ABS ทำงาน โดยการทดสอบใช้ยางรุ่นเดียวกันในสภาพการขับขี่หลากรูปแบบ ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าน่าประทับใจมากเพราะระยะ 4 เมตรนั้นใกล้เคียงกับความยาวเฉลี่ยของรถหนึ่งคันเลยทีเดียว

นอกจากนี้ ระบบเบรกยังตอบสนองได้เร็วขึ้น ลดอาการล้อหมุนฟรี เพิ่มเสถียรภาพทางด้านข้าง และไม่มีอาการล้อล็อก ปัจจัยเหล่านี้ส่งเสริมให้เกิดประสบการณ์การขับขี่ที่ราบรื่นและสะดวกสบายมากขึ้น

แซร์จ ลาฟง (Serge Lafon) ประธานสายงานธุรกิจกลุ่มผลิตภัณฑ์อะไหล่แท้สำหรับยานยนต์ของมิชลิน กล่าวว่า “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ผนึกกำลังกับเบรมโบ้ ซึ่งเป็นแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมระบบเบรก ความหลงใหลในเรื่องนวัตกรรมและความเป็นเลิศที่มีร่วมกันจะผลักดันให้มิชลินและเบรมโบ้สามารถมอบความปลอดภัยที่เหนือกว่าอีกระดับให้กับผู้ใช้งาน สำหรับมิชลิน…เป้าหมายหลักของเราคือการช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้งานยางได้นานเท่าที่จะเป็นไปได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งนั่นเท่ากับช่วยรักษากำลังซื้อในระบบเศรษฐกิจและปกป้องสิ่งแวดล้อม ปัจจุบัน มิชลินเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล โดยการพัฒนาซอฟท์แวร์และระบบจำลองการทำงานด้วยคอมพิวเตอร์เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามการทำงานของยางแบบนาทีต่อนาที การร่วมมือกับเบรมโบ้จะนำไปสู่การสร้างสรรค์โซลูชั่นใหม่ที่แตกต่างสำหรับยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งทุกวันนี้บรรดาค่ายผู้ผลิตรถยนต์ได้พัฒนาขึ้นแล้ว”

แดเนียล สกิลลาชี (Daniele Schillaci) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบรมโบ้ กล่าวเสริมว่า “สำหรับเบรมโบ้ เราเชื่อมั่นในพลังของเทคโนโลยีและ AI เราเป็นองค์กรที่ผสานศักยภาพของซอฟท์แวร์เข้ากับความเชี่ยวชาญและความรู้ความชำนาญเฉพาะตัวในด้านชิ้นส่วนยานยนต์ประเภทชุดก้ามเบรก หรือ ‘คาลิเปอร์’ (Calipers) ตลอดจนวัสดุที่ใช้ในการผลิตเนื้อผ้าเบรกและจานดิสก์เบรก ระบบเบรก SENSIFY® ถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการเบรกที่มุ่งตอบสนองวิสัยทัศน์เรื่องการลดจำนวนอุบัติเหตุทางถนนให้เป็นศูนย์ (Zero Accident Vision) ความร่วมมือกับมิชลินครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลังของความร่วมมือและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมยานยนต์”

* การทดสอบระบบเบรกจัดทำขึ้นบนสนามทดสอบ ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาของมิชลิน ตั้งอยู่ที่เมืองลาดูซ์ (Ladoux) ประเทศฝรั่งเศส เป็นเวลามากกว่า 17 วัน ระหว่างวันที่ 30 กันยายน ถึง 29 ตุลาคม 2567 โดยใช้รถยนต์รุ่นและประเภทเดียวกัน 2 คันในการทดสอบ คันหนึ่งติดตั้งระบบเบรก SENSIFY® ของเบรมโบ้ และเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions ขณะที่อีกคันใช้ระบบเบรก ABS ตามมาตรฐาน

ข้อกำหนดการทดสอบมาตรฐานครอบคลุมการทดสอบซ้ำหลายครั้งบนสนามทดสอบทั้งแห้งและเปียก (ควบคุมระดับน้ำอยู่ที่ 0.8 มิลลิเมตร) โดยใช้ยางหลากหลายสภาพ ได้แก่ ยางใหม่, ยางใกล้หมดดอก (ความลึกดอกยางเหลือ 2 มิลลิเมตร), ยางที่มีระดับแรงดันลมยางตามที่กำหนด และยางที่มีระดับแรงดันลมยางต่ำกว่ากำหนด ยางที่นำมาใช้ในการทดสอบคือยาง ‘มิชลิน ไพลอต สปอร์ต’ (MICHELIN Pilot Sport) และยาง ‘มิชลิน ไพลอต อัลพิน’ (MICHELIN Pilot Alpin) โดยขับทดสอบที่ความเร็วระดับต่าง ๆ  ได้แก่ 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง, 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ 130 กิโลเมตรต่อชั่วโมง  แม้ว่าการทดสอบระบบเบรกและเทคโนโลยีจาก Michelin Solutions จะจัดทำโดยใช้ยางมิชลินเท่านั้น แต่โซลูชั่นดังกล่าวสามารถใช้กับยางแบรนด์อื่นได้เช่นกัน

Michelin and Brembo Join Forces to Innovate Boosting Safety and Driving Comfort

– Michelin and Brembo sign a global agreement to combine their intelligent solutions that leverage algorithms, know-how, and expertise related to brakes and tires

– The promising initial tests show a reduction in braking distances of up to four meters (thirteen feet)* whatever the tire wear level or road conditions

– Innovation dedicated to car makers and benefiting all consumers

Brembo – a global leader in the design, development, and production of braking solutions – and Michelin – a leading tire manufacturer and innovative expert in composites – signed a global agreement to exploit the full potential of their intelligent solutions to revolutionize vehicle performance and offer drivers the highest safety and comfort standards.

For this partnership, Michelin and Brembo combined their expertise: excellence in braking systems, vehicle modeling and artificial intelligence for Brembo; leadership in tire modeling and algorithm development for Michelin.

The innovation relies on the continuous exchange of real-time data between Michelin’s connected solutions software, which provides tire grip data to Brembo’s innovative SENSIFY® braking system. These unique tire insights enable engineers to fine-tune the braking system with exceptional precision, further enhancing SENSIFY’s characteristics.

Michelin’s tire connected solutions rely on the Group’s recognized expertise in tire physics modelling and simulation used in tire development. Thanks to their unique know-how in live vehicle data analysis, Michelin has developed a portfolio of software able to provide real-time information to the car, such as wear (Michelin SmartWear), load (Michelin SmartLoad) and grip (Michelin SmartGrip). Michelin’s software works with all tire brands.

Brembo’s SENSIFY® sets a new benchmark for braking systems, natively developed for any modern vehicle. Its high flexibility, scalability, and adaptability make it easy to integrate into any model. SENSIFY® combines Brembo’s world-renowned braking components with a digital brain that leverages AI, algorithms and sensors to independently control each wheel. The result is one of the most advanced braking systems, designed to deliver an exceptional driving experience and enhanced safety.

The initial tests performed virtually and in the field are very promising. In the first phase, Michelin’s tire models and algorithms were integrated with Brembo’s intelligent braking models and vehicle simulations in a fully virtual environment. In the second phase, physical tests were conducted on tracks at Michelin’s Research Center, where the simulation results were confirmed.

The tests demonstrated braking distance reductions that can reach up to four meters (thirteen feet)* during ABS events, with the same tires in various conditions. An impressive result considering that four meters is close to the average length of a car.

The braking system also showed quicker response time, minimized traction loss, improved lateral stability, and the absence of wheel locking. All these factors contribute to a smoother, more comfortable driving experience.

Serge Lafon, President of the Business Line Automotive Original Equipment at Michelin, commented: “We are thrilled to join forces with a brand like Brembo, a leader in its field. Our shared passion for innovation and excellence allows us to take a new step forward in enhancing user safety. Allowing customers to keep their tires in use as long as possible with total peace of mind is a core objective of Michelin, thus protecting their purchasing power as well as the environment. Today, Michelin is a “data-driven company” where simulation and software development are essential tools in the real-time monitoring of tires. Together, Michelin and Brembo are building a unique solution for the vehicles of the future, developed today by the car makers.”

“At Brembo, we believe in the power of technology and artificial intelligence,” said Daniele Schillaci, CEO of Brembo. “In fact, we are increasingly becoming a company combining software capabilities with our expertise in the corner of the vehicle, mastering calipers, discs and friction materials with a unique know-how. SENSIFY® represents the new standard in braking that will target a zero accidents vision. This partnership with Michelin illustrates the power of collaboration and innovation in the automotive industry.”

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles