29.2 C
Bangkok
Monday, December 16, 2024
Mitsubishi
มอเตอร์ไซค์​ honda
AD Banner_900x180
FORD900x192px_1
Honda_900x192px 2024
previous arrow
next arrow

ขยับนิด-ยืดหน่อย แก้ “ออฟฟิศซินโดรม” คลายปวดเองด้วยท่าง่ายๆ เพื่อร่างกายที่ดีขึ้น

เวลานั่งทำงานท่าเดิมหรือจ้องหน้าจอนาน ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนก็เคยมีอาการปวดเมื่อยที่หลัง สะโพก คอ บ่า ไหล่ จนบางครั้งอาการปวดตึงลามขึ้นศีรษะทำให้กระทบการทำงานและการใช้ชีวิตกันมาบ้าง หากมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าคุณกำลังเสี่ยงเป็น “ออฟฟิศซินโดรม” (Office Syndrome) กลุ่มอาการเจ็บป่วยยอดฮิตจากโลกการทำงานที่รวมอาการอักเสบของกล้ามเนื้อคอ ไหล่ และหลัง ซึ่งเกิดจากการหดเกร็งและใช้งานกล้ามเนื้อในท่าทางที่ไม่ถูกสุขลักษณะเป็นเวลานาน โดยอิริยาบถที่ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งเป็นเวลานาน ๆ อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพที่รุนแรงขึ้น เช่น กระดูกสันหลังทับเส้นประสาท หรืออาการปวดรุนแรงและเรื้อรังที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ดังนั้น ชาวออฟฟิศจึงควรหาแนวทางป้องกันไม่ให้โรคมีความรุนแรงจนเสี่ยงหลายโรคร้ายตามมา

การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมป้องกันได้ ไม่ยาก แค่ปรับพฤติกรรม! โดยสามารถทำได้ด้วยการปรับท่าทางการนั่งทำงานให้ถูกต้อง เช่น นั่งหลังตรง ปรับระดับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่ในระดับสายตา คอยลุกเดินขยับร่างกาย และยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุก ๆ 30 นาที โดยหนึ่งในเคล็ดลับที่สามารถป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดี คือการออกกำลังกายที่เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อในระหว่างการนั่งทำงาน และวันนี้ บริษัท ฟิตเนส อินโนเวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (FIT®) สถาบันฝึกอบรมที่ให้ความรู้และสถานที่ฝึกสอนการออกกำลังกาย รวมถึงออกใบประกาศนียบัตรวิชาชีพที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะมาแนะนำท่ายืดง่ายๆ ที่ทุกคนทำได้เองทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ซึ่งสามารถช่วยลดอาการปวดตึงกล้ามเนื้อและปรับสมดุลให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

เริ่มด้วยท่าที่หนึ่งกับการบริหารกล้ามเนื้อช่วงคอ โดยนั่งหลังตรง โน้มศีรษะไปด้านหน้าเล็กน้อย และหมุนออกด้านขวาช้า ๆ ค้างไว้ประมาณ 10 วินาที และทำเหมือนเดิมในด้านซ้าย ด้านละ 3 ครั้ง ต่อไปเป็นการยืดคอด้านข้างด้วยการหันหน้าไปทางขวาค้างไว้ 10 วินาทีและทำแบบเดิมกับด้านซ้าย ทั้งสองท่าจะช่วยคลายความตึงที่คอและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลังส่วนบน

ต่อมาเป็นการยืดกล้ามเนื้อด้านข้างลำตัวที่มักปวดตึงเวลานั่งนาน ๆ สามารถคลายได้ด้วยการนั่งหลังตรง หายใจเข้าพร้อมประสานมือขึ้นเหนือศีรษะ งอศอกได้เล็กน้อย และหายใจออกเอียงตัวไปทางขวา กลับมานั่งตรงพร้อมหายใจเข้าและเอียงไปทางซ้าย ทำสลับข้าง 3-5 ครั้งอาการตึงข้างลำตัวจะคลายลง สำหรับท่าสุดท้าย จะช่วยยืดลำตัวหน้าหลังและหน้าด้าน เพียงนำมือทั้ง 2 ข้าง มาจับที่หัวเข่าด้านหน้า หายใจเข้ายืดตัวตรงขยายทรวงอกขึ้น ยืดคอให้ยาว ยืดคาง เงยหน้าเล็กน้อย เพื่อยืดลำตัวด้านหน้า ดังจากนั้นหายใจออก แขม่วหน้าท้อง โค้งตัวงอไปด้านหลัง พร้อมกับค่อยๆ กดคอลงมาใกล้หน้าอก เพื่อยืดลำตัวด้านหลัง ทำซ้ำ 3-5 ครั้งเพิ่มความยืดหยุ่นให้กระดูกสันหลังส่วนกลาง

โรคออฟฟิศซินโดรม แม้จะเป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพของชาวออฟฟิศ แต่ก็สามารถป้องกันได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เพียงหาเวลาลุกเดินและยืดเส้นทุกวันด้วยท่าที่ทำง่าย ๆ ทุกที่ทุกเวลา เท่านี้ก็จะช่วยรักษาสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานในระยะยาว

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่สนใจสุขภาพและอยากพบปะผู้เชี่ยวชาญจากวงการฟิตเนสทั่วโลก เอเชีย ฟิตเนส คอนเฟอเรนซ์ 2024 เป็นงานที่คุณไม่ควรพลาด! เพราะคุณจะได้พบกับเวิร์กชอปและคลาสออกกำลังกายจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำในวงการฟิตเนสทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการสาธิตท่าบริหารง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้าน เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรง เพิ่มการขยับข้อต่อ และปรับสมดุลร่างกาย นอกจากนี้ ยังมีการเสวนาและการแนะนำเทคนิคการออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเฉพาะด้านอีกด้วย

สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าร่วมออกกำลังกาย และร่วมคลาสการเรียนรู้ในงาน เอเชีย ฟิตเนส คอนเฟอเรนซ์ 2024 เปิดลงทะเบียนรอบ Special Rate ภายใน 30 กันยายน 2567 ซึ่งมีทั้งบัตรประเภท 1 วัน ราคา 9,500 บาท, บัตรประเภท 2 วัน ราคา 12,500 บาท และบัตรประเภท 3 วัน ราคา 14,700 บาท ผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดการจัดงาน ตารางอบรมเต็มรูปแบบพร้อมเนื้อหาทั้งภาคภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ลงทะเบียนเข้าร่วมงานและชำระเงินผ่านระบบออนไลน์ บนหน้าเว็บไซต์คลิก http://www.asiafitconference.com หรือ ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2650-9242 หรืออีเมล afc@fitthai.com

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการเสวนากลุ่มกับผู้เชี่ยวชาญชั้นนำทั้ง 4 ท่าน อาทิ จิมมี่-ยุทธนา พลเจริญ, นิว-วีระเดช ผเด็จพล แพท-กฤษฎี โพธิทัต และดร.ไบรอัน คุณาคม ในวันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม ตั้งแต่เวลา 10.00 น.-12.00 น. ที่เวทีกลางโซนแสดงสินค้า ณ ไบเทค บางนา จัดขึ้นภายใต้ธีม “Leading Wellness Through Lifestyle Transformation” มุ่งสร้างสุขภาพองค์รวมผ่านการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์เพื่อสอดคล้องกับการใช้ชีวิตคนยุคปัจจุบัน ประกอบด้วยแนวคิด 4 ประการ ได้แก่ “ออกกำลังกายดี” เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ “อาหารดี” กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ “อารมณ์ดี” สร้างสุขความสุขลดความเครียดในชีวิตประจำวัน และ “นอนดี” นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles