ปตท. เผยผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 13-17 ก.ย. 64 และแนวโน้ม 20-24 ก.ย. 64 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 74.72 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.54 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 71.62เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.74 เหรียฐสหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 72.46 เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.15 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.26 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 83.87เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาเพิ่มขึ้น +2.31 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 82.18 เหรียญสหรัฐฯ
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
* Energy Information Administration (EIA) รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 10 ก.ย. 64 ลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 417.4 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 3.5 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า
* University of Michigan สหรัฐฯ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Sentiment) ในเดือน ก.ย.64 เพิ่มขึ้น 0.7 จุด จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 71 จุด
* รายงานฉบับเดือน ก.ย. 64 ของ International Energy Agency (IEA) คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกในปี 2564 เพิ่มขึ้น 5.23 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 96.15 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดลงจากคาดการณ์ครั้งก่อน 0.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน) และในปี 2565 เพิ่มขึ้น 3.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 99.39 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับเพิ่มขึ้นจากครั้งก่อน 0.08 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
* Baker Hughes Inc. รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะ (Rig) น้ำมันดิบในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 17 ก.ย.64 เพิ่มขึ้น 10 เเท่น จากสัปดาห์ก่อนหน้า อยู่ที่ 411 แท่น สูงสุดตั้งแต่ เม.ย.63
* สำนักสถิติของยุโรป (Eurostat) รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (Consumer Price Index: CPI) ซึ่งบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ (Inflation) ของยูโรโซน (19 ประเทศ) ในเดือน ส.ค. 64 อยู่ที่ 3.0% จากปีก่อนหน้า สูงสุดตั้งแต่ พ.ย. 54 และสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางยุโรป (European Central Bank: ECB) ที่ 2.0% จากปีก่อนหน้า
* สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (National Bureau of Statistics: NBS) รายงานปริมาณการนำน้ำมันดิบเข้ากลั่น ในเดือน ส.ค. 64 ลดลง 2.2% จากเดือนก่อนหน้า อยู่ที่ 13.74 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำที่สุดในรอบ 14 เดือน
แนวโน้มราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันดิบได้รับแรงสนับสนุนจากความกังวลต่อปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด โดย EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ในสหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 10 ก.ย.64 ลดลง 6.4 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 417.4 ล้านบาร์เรล ลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ 3.5 ล้านบาร์เรล จากสัปดาห์ก่อนหน้า
อย่างไรก็ตาม บริษัทพลังงานใน Gulf of Mexico ของสหรัฐฯ ต่างเร่งกลับมาเปิดดำเนินการผลิตปิโตรเลียม หลังจากได้รับความเสียหายจากพายุเฮอริเคน Ida และพายุโซนร้อน Nicholas โดย Bureau of Safety and Environmental Enforcement (BSEE) รายงาน ณ 17 ก.ย.64 การผลิตน้ำมันดิบใน Gulf of Mexico กลับมาดำเนินการเพิ่มขึ้นอีก 0.09 ล้านบาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 1.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 77% ของกำลังการผลิตทั้งหมด ที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่แท่นขุดเจาะน้ำมัน 247 แท่นจาก 288 แท่น กลับมาดำเนินการ
รมว. กระทรวงน้ำมันของอิรัก Ihsan Abdul Jabbar มองว่า กลุ่ม OPEC+ มีแนวโน้มจะไม่ปรับเปลี่ยนข้อตกลงควบคุมปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในการประชุม 4 ต.ค.64 เพื่อรักษาเสถียรภาพราคา ทั้งนี้ ตามข้อตกลงปัจจุบัน ทาง OPEC+ จะเพิ่มปริมาณผลิตน้ำมันดิบเดือนละ 0.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงเดือน ส.ค.-ธ.ค.64
การประชุม Major Economies Forum (MEF) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Joe Biden เรียกร้องให้ผู้นำโลกเข้าร่วมกับสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ตั้งเป้าหมายเพื่อแก้ปัญหา Climate Change อย่างเร่งด่วน ด้วยการลดปริมาณปล่อยก๊าซ Methane ลง อย่างน้อย 30% (จากระดับในปี 2563) ภายในปี 2573 โดยอาร์เจนตินา อินโดนีเซีย อิตาลี และเม็กซิโก เข้าร่วม ขณะที่กานาและอิรักแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วม ทำเนียบขาวสรุปรายงานการประชุมว่าประเทศเหล่านี้เป็นตัวแทนของ 6 ใน 15 ประเทศที่ปล่อย Methane สูงสุดในโลก จึงควรติดตามการประชุมสภาพภูมิอากาศ COP26 ของสหประชาชาติ (UN) ระหว่าง 31 ต.ค.-12 พ.ย.64 ที่เมืองกลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ คาดว่าจะมีการประกาศแผนดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายใหม่ที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว
ทางเทคนิคราคาน้ำมัน ICE Brent ในสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 72.5 ถึง 79.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
