สตุ๊ทการ์ท : ช่วงประมาณ 1 ปี ทีผ่านมา หลังจากประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้น IPO ไป เมื่อ 29 กันยายน 2022 ส่งผลให้ ในปี 2023 ปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) ได้สรุปรายงานตัวเลขผลประกอบการดำเนินธุรกิจที่เติบโตอย่างแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง สำหรับไตรมาสที่ 3 ของปี 2023 หรือช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยมีการรายงานผลการเติบโต ทั้งในส่วนของรายได้จากการจำหน่ายและกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ โดยรายได้จากการจำหน่ายนั้นเพิ่มขึ้นถึง 12.6% หรือ 30.13 พันล้านยูโร ส่วนกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9.0% คิดเป็น 5.50 พันล้านยูโร ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2023 ผลตอบแทนจากการจำหน่ายกลุ่มธุรกิจ ปอร์เช่ เอจี กรุ๊ป (Porsche AG Group) อยู่ที่ร้อยละ 18.3 ถือว่าอยู่เหนือจากเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ (ปีก่อนหน้า: ร้อยละ 18.9) ในส่วนของกระแสเงินสดสุทธิสำหรับกลุ่มยานยนต์อยู่ที่ 3.39 พันล้านยูโร (ปีก่อนหน้า: 3.27 พันล้านยูโร) อัตรากำไรกระแสเงินสดสุทธิสำหรับกลุ่มยานยนต์อยู่ที่ร้อยละ 12.2 (ปีก่อนหน้า: ร้อยละ 13.4) และมีการส่งมอบให้ลูกค้าเพิ่มขึ้น 9.6 เปอร์เซ็นต์ ตัวเลขรวมอยู่ที่ 242,722 คันในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2023
ลุทซ์ แมสเก (Lutz Meschke) รองประธานคณะกรรมการบริหารและสมาชิกคณะกรรมการฝ่ายการเงินและไอทีกล่าวว่า “ในขณะที่เรามีการลงทุนด้านแบรนด์และเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ในช่วงเวลาเดียวกันเมื่อเทียบกับปีก่อนผลการดำเนินการของเราก็เติบโตไปในทางบวก รวมไปถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแรง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะความต้องการรถปอร์เช่ที่ยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นผลพวงมาจากความหลากหลายของผลิตภัณฑ์รวมไปถึงกลยุทธ์ด้านราคา”
“รถของเราในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ยังคงเป็นที่ต้องการสูงทั่วโลก ขณะเดียวกัน ความพิเศษและความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของปอร์เช่ยังคงมีความโดดเด่นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง” ด้าน โอลิเวอร์ บลูเม (Oliver Blume) ประธานคณะกรรมการบริหารของปอร์เช่ เอจี (Porsche AG) อธิบายเพิ่มเติมว่า “เราได้รับประโยชน์จากการวางจุดยืนทางการตลาดอย่างแข็งแกร่งในแต่ละภูมิภาคสำคัญๆ ทั่วโลก เราได้เห็นการเติบโตที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ รวมถึงในภูมิภาค “ตลาดต่างประเทศและตลาดเกิดใหม่” “รูปแบบธุรกิจของเราขึ้นอยู่กับการวางจุดยืนทางการตลาดได้อย่างชัดเจน และมีความเป็นเอกลักษณ์ในอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งแตกต่างจากผู้ผลิตรถยนต์หรูเฉพาะกลุ่มรายอื่น เรายังคงได้รับประโยชน์จากการขยายขนาดองค์กร และความได้เปรียบด้านต้นทุน เนื่องจากความร่วมมือกับ โฟล์คสวาเกน กรุ๊ป (Volkswagen Group)”
ช่วงปีที่ผ่านมา ปอร์เช่ได้เร่งลงทุนในส่วนเทคโนโลยีแห่งอนาคต มอเตอร์สปอร์ต และกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ เช่น วันเฉลิมฉลองครบรอบ ’75 ปีแห่งรถสปอร์ตปอร์เช่’ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนเพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะมีไม่น้อยกว่า 4 รุ่นโดยมีการกำหนดที่จะเปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 2024 ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายและอัตราเงินเฟ้อตามที่กล่าวข้างต้น แต่ผลตอบแทนจากการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูง
เรื่องราวความสำเร็จของไทคานน์ (Taycan) ยังคงดำเนินต่อไป
การส่งมอบ ไทคานน์ (Taycan) รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้าจากปอร์เช่ เพิ่มขึ้นถึง 11 เปอร์เซ็นต์ โดยมีจำนวนถึง 27,885 คันในช่วง 9 เดือนแรกปี 2023 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2022 ลุทซ์ แมสเก (Lutz Meschke) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ไทคานน์ (Taycan) คือเรื่องราวแห่งความสำเร็จของเรา” ก่อนที่จะออกสู่ตลาดในปี 2019 ปอร์เช่คาดการณ์ยอดจำหน่ายรถยนต์ไว้ที่ 20,000 คันต่อปี “ เห็นได้ชัด ว่าเราบรรลุเกินจากเป้าหมายที่เราวางไว้ แม้จะมีสถานการณ์ที่ยากลำบากในเรื่องของซัพพลายเชน รวมถึงสถานการณ์ความแตกต่างในการขายของแต่ละภูมิภาค อันเนื่องมากจากแนวทางการพัฒนาเรื่องของยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่แตกต่างกันอย่างมาก”
แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจมหภาคยังคงมีความท้าทาย อย่างไรก็ตาม ปอร์เช่ได้ยืนยันการคาดการณ์สำหรับปีงบการเงินปัจจุบัน ว่าหากสถานการณ์เศรษฐกิจและอุปทานทั่วโลกไม่เลวร้ายลงอย่างไม่คาดคิด ปอร์เช่คาดว่าผลตอบแทนจากการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทจะอยู่ระหว่าง 17-19 เปอร์เซ็นต์ตลอดทั้งปี การคาดการณ์นี้ขึ้นอยู่กับสมมติฐานของรายได้จากการจำหน่ายอยู่ในช่วง 40-42 พันล้านยูโร และในระยะยาวปอร์เช่ตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนจากการจำหน่ายของกลุ่มบริษัทให้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์
ในส่วนของแผนกบริการทางการเงิน Porsche Financial Services (PFS) ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 9 เดือนแรกของปี โดยมีรายได้จากการจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 2.52 พันล้านยูโร (ปีก่อนหน้า: 2.47 พันล้านยูโร) กำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มบริการทางการเงินลดลงเหลือ 230 ล้านยูโร (ปีก่อนหน้า: 301 ล้านยูโร) การลดลงส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับระดับอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นและกิจกรรมการรีไฟแนนซ์