ทีม Porsche Penske Motorsport เดินหน้าเข้าสู่การแข่งขัน endurance สนาม highlight ของฤดูกาล 2566 ด้วยความคาดหวังที่เต็มเปี่ยม ทีมโรงงานปอร์เช่จะส่งรถแข่งปอร์เช่ 963 จำนวน 3 คัน ลงสนามเพื่อคว้าชัยชนะในรุ่น Hypercar class รายการ Le Mans 24 ชั่วโมง วันที่ 10 – 11 มิถุนายนนี้ ในฐานะที่ปอร์เช่เป็นส่วนหนึ่งของแคมเปญการกุศล “Racing for Charity” ปอร์เช่จะรวบรวมเงินบริจาคสำหรับเยาวชนผู้ด้อยโอกาสในทุกรอบการแข่งขัน เคียงคู่ไปกับวาระเฉลิมฉลองครบรอบ 100 ปี การแข่งขัน 24-ชั่วโมง ทีมแข่งอิสระ Hertz Team Jota เตรียมลงสนามแข่งด้วยรถแข่งปอร์เช่ 963 สำหรับรุ่น GTE-Am ทีมแข่งอิสระทั้ง 5 ส่งรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR รวม 8 คัน เข้าร่วมในสนามที่ 4 ของการแข่งขันรถยนต์ทางเรียบ รายการ FIA World Endurance Championship WEC
สตุ๊ทการ์ท : ทีม Porsche Penske Motorsport มีเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวในการแข่งขันครบรอบ 100 ปี Le Mans 24 ชั่วโมง และครบรอบ 75 ปี การถือกำเนิดของแบรนด์ยนตรกรรมสปอร์ตหรูจากเมืองสตุ๊ทการ์ท นั่นคือชัยชนะบนสนาม Circuit des 24 Heures เพื่อเพิ่มโอกาสสูงสุดในการแข่งขันอันดุเดือดรุ่น Hypercar class ปอร์เช่ส่งรถแข่ง hybrid prototype 3 คัน จากรายการ North American IMSA WeatherTech SportsCar Championship เสริมทัพเพิ่มจากเดิมที่มีอยู่แล้ว 2 คันในรายการ FIA WEC รถแข่ง LMDh พละกำลัง 700 แรงม้า (515 กิโลวัตต์) ภายใต้การกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของทีมสนับสนุนจากโรงงาน และได้รับการตกแต่งสีตัวถังพิเศษ ซึ่งเป็นการระลึกถึงเกียรติประวัติความสำเร็จของปอร์เช่ในการแข่งขันที่ Le Mans
ระหว่างการทดสอบล่าสุดที่สนาม Watkins Glen (ประเทศสหรัฐอเมริกา) Le Castellet (ฝรั่งเศส) และ Monza (อิตาลี) ทีม Porsche Penske Motorsport ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้านเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่ใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง ที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ ทีมแข่งอิสระจากสหราชอาณาจักร Hertz Team Jota ส่งรถแข่งปอร์เช่ 963 ลงเสริมทัพเพิ่มเติมในรุ่นสูงสุด สงครามความเร็วเพื่อช่วงชิงตำแหน่งชนะเลิศ overall ในครั้งนี้ ปอร์เช่ต้องเผชิญหน้ากับคู่แข่งจากผู้ผลิตรถยนต์รายอื่น อาทิ Ferrari, Cadillac, Toyota และ Peugeot
Thomas Laudenbach รองประธานกรรมการผู้กำกับดูแลส่วนงาน Porsche Motorsport กล่าวว่า “การแข่งขันรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง ครั้งที่ 100 นับเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกับปอร์เช่ ฤดูกาลนี้แบรนด์ของเราครบรอบการก่อตั้ง 75 ปี ไม่มีผู้ผลิตรถยนต์รายใดที่มีเกียรติประวัติความสำเร็จในการแข่งขัน Le Mans ยิ่งใหญ่เทียบเท่ากับปอร์เช่ เราเคยเป็นแชมเปี้ยน overall มาแล้วถึง 19 สมัย และแชมเปี้ยนในรุ่นต่าง ๆ อีกถึง 110 ครั้ง แน่นอนว่ามันยังคงไม่สิ้นสุด เรากำลังมุ่งมั่นกับการสร้างความสำเร็จครั้งที่ 20 บนผืนแผ่นดิน Sarthe ประเทศฝรั่งเศส เนื่องด้วยโอกาสครบรอบอันยิ่งใหญ่ เราส่งรถแข่งปอร์เช่ 963 ถึง 3 คันจากทีมโรงงาน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีรถแข่ง prototype จาก Weissach โดยทีมแข่งอิสระ Hertz Team Jota ลงสนามเพิ่มเติมอีกด้วย เราหวังว่าจะสามารถต่อสู้เพื่อช่วงชิงชัยชนะในรุ่นที่มีการขับเคี่ยวกันดุเดือดที่สุดอย่าง Hypercar class”
Urs Kuratle ผู้อำนวยการ Factory Motorsport LMDh กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นมากกับวาระครบรอบสุดยิ่งใหญ่ในการแข่งขัน Le Mans ครั้งนี้ ในช่วงการทดสอบ ทีม Porsche Penske Motorsport มีการเตรียมตัวอย่างเป็นระบบแบบแผน เพื่อรับมือกับการแข่งขันสำคัญที่รออยู่ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณทำได้มีเพียงจำลองภาพของสนาม Circuit des 24 Heures ที่มีข้อจำกัดมากมายไม่เหมือนสนามอื่น เราเคยวิ่งทดสอบที่ Le Mans อย่างหนักหน่วง เพื่อปรับแต่งรถแข่งปอร์เช่ 963 ทั้ง 3 คัน สำหรับวิ่งบน high-speed circuit ขณะนี้เรายังไม่อาจสร้างความสมดุลในแง่ของพลังงานในรถแข่ง Hypercar class แต่สิ่งหนึ่งที่เรามั่นใจได้ ด้วยรถแข่งปอร์เช่ 963 ทั้ง 3 คันจากทีมโรงงาน และอีก 1 คันจากทีมแข่งอิสระ Hertz Team Jota เราอยู่ในสถานการณ์ที่ดีเยี่ยมที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”
Jonathan Diuguid กรรมการผู้จัดการของ Porsche Penske Motorsport กล่าว “การทุ่มเทแรงกายแรงใจร่วมกันอย่างเต็มที่ของทีมงานจากสองฟากฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทำให้เราได้ก้าวเข้ามาถึงจุดนี้ ขณะที่รถแข่ง 1 คัน ผ่านการจัดเตรียมความพร้อมใน Mooresville ที่สหรัฐอเมริกา และอีก 2 คันอยู่ใน Mannheim ที่เยอรมนี ภายใต้การดำเนินงานของทีมแข่งหนึ่งเดียวนั่นคือ Porsche Penske Motorsport ส่วนอื่นที่เหลือทั้งหมดได้รับการเตรียมความพร้อมตามมาตรฐานสูงสุด ถึงตอนนี้เราต่างบรรลุภารกิจทั้งที่ Weissach และ Watkins Glen ส่วนรถแข่งปอร์เช่ 963 ทั้ง 3 คันกำลังเดินทางไปยัง Le Mans 24 ชั่วโมง การแข่งขัน endurance ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฤดูกาล แรงกดดันต่าง ๆ ถาโถมเข้ามาในทุกทาง การพิชิตชัยในการแข่งขัน Le Mans 24 ชั่วโมง ครั้งที่ 100 พร้อมการเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 75 ปี ยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ คือความฝันที่กลายเป็นจริงสำหรับพวกเราทุกคน อย่างไรก็ตาม ขณะที่เราตั้งเป้าหมายแต่เรายังคงต้องมุ่งเน้นกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวันเป็นอันดับแรก”
แคมเปญการกุศล “Racing for Charity”: ปอร์เช่สนับสนุนกองทุนฟื้นฟูสุขภาพเยาวชน
ในแต่ละรอบของการแข่งขันที่ผ่านไปโดยรถแข่งปอร์เช่ 963 ทั้ง 3 คัน ปอร์เช่จะบริจาคเงิน 750 ยูโร (ประมาณ 27,975 บาท) ตามวาระครบรอบ 75 ปี ยนตรกรรมสปอร์ตปอร์เช่ หลังจากการแข่งขันระยะยาวของฤดูกาลสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ ยอดรวมของเงินบริจาคทั้งหมดจะได้รับการส่งมอบเพื่อสาธารณกุศลไปยังองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรทั้ง 3 แห่ง โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการช่วยเหลือเยาวชนผู้ประสบกับความเจ็บป่วยทั่วโลก
เกี่ยวกับการแข่งขัน
สนามอันเปี่ยมด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองมีประชากรพักอาศัยราว 150,000 คน บนเส้นทางที่ผสมผสานกับถนนสาธารณะ โดยปกติรถบรรทุกนับร้อยคันและรถยนต์ผู้คนทั่วไป จะขับขี่สัญจรผ่านเส้นทาง Mulsanne อันเลื่องชื่อเป็นประจำเพื่อเดินทางจาก เลอ มังส์ ไปยังที่หมายอื่น Porsche curves คือ จุดทางโค้งความเร็วสูงที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดี การทำความเร็วสูงในช่วงพื้นที่ที่แคบ คือความท้าทายในการแข่งขันระยะยาวสุดคลาสสิกบนแผ่นดินฝรั่งเศส มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการลุ้นตำแหน่งแชมเปี้ยนในทุกฤดูกาล คะแนนที่ได้รับจาก FIA WEC ที่ Le Mans จะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าจากสนามอื่น ตัวอย่างเช่น ผู้ชนะจะได้รับคะแนนสะสมเพิ่มถึง 50 คะแนน จากที่เคยได้รับที่ 25 คะแนน
ทีมงาน และนักแข่งจากปอร์เช่
หน้าที่ในการขับขี่รถแข่งปอร์เช่ 963 จำนวน 2 คันจากรายการ FIA WEC ยังคงเป็นของนักแข่งประจำฤดูกาลแข่งขัน 2566 เช่นเดิม Dane Cameron จากสหรัฐอเมริกา Michael Christensen จากประเทศเดนมาร์ก และฮีโร่นักขับขวัญใจเจ้าบ้านชาวฝรั่งเศส Frédéric Makowiecki ผนึกกำลังในรถแข่งหมายเลข 5 ส่วนแชมป์ Le Mans 3 สมัย André Lotterer จากเยอรมนี แชร์ที่นั่งในรถหมายเลข 6 กับ Laurens Vanthoor หนุ่มเบลเยี่ยม และ Kévin Estre ชาวฝรั่งเศส ทางด้าน Felipe Nasr นักแข่งจาก IMSA ชาวบราซิล Mathieu Jaminet ชาวฝรั่งเศส และ นักขับแดนผู้ดี Nick Tandy จะลงประจำการในรถแข่งปอร์เช่ 963 คันที่ 3 ติดหมายเลข 75
ส่วนหนุ่มวัย 38 จาก Bedford ผู้เป็นแชมป์ Le Mans ฤดูกาล 2558 ควบรถแข่งปอร์เช่ 919 Hybrid หมายเลข 19 เพื่อเป็นกำลังเสริมรายที่ 3 ซึ่งปอร์เช่ส่งลงสนามรุ่นสูงสุดของการแข่งขัน ทีมแข่งอิสระ Hertz Team Jota ส่งรถแข่งหมายเลข 38 ร่วมประลองความเร็ว โดยมีนักแข่งสังกัดทีมโรงงาน António Félix da Costa ชาวโปรตุเกส Will Stevens จากสหราชอาณาจักร และ Yifei Ye นักขับแดนมังกร อายุ 22 ปี ซึ่งได้การสนับสนุนจาก Porsche Motorsport Asia Pacific
สำหรับรุ่น GTE-Am class มีรถแข่งปอร์เช่ 911 RSR ลงชิงชัยทั้งหมด 8 คัน Richard Lietz นักแข่งทีมโรงงานจะลงแข่งให้กับทีมอิสระ Proton Competition ด้วยรถแข่งหมายเลข 911 หนุ่มออสเตรียจะทำงานร่วมกับ Martin Rump จากเอสโตเนีย และดารานักแสดงฮอลลีวูดชาวไอริช Michael Fassbender นับเป็นครั้งที่ 2 ของเขาในการลงแข่งรายการ Le Mans 24 ชั่วโมง 2 นักแข่งจากโครงการ Porsche Juniors ประกอบด้วย Julien Andlauer (ฝรั่งเศส) และ Matteo Cairoli (อิตาลี) เป็นอีกคู่ที่ลงสนามให้กับทีมอิสระด้วยรถแข่ง 911 ทีม Iron Dames มอบหมายหน้าที่ให้นักแข่งหญิง Sarah Bovy ชาวเบลเยี่ยม ผู้เป็นอดีตนักแข่ง DTM ตามด้วย Rahel Frey จากสวิสเซอร์แลนด์ และ Michelle Gatting จากเดนมาร์ก
ภาพรวมของทีม และนักแข่ง
รุ่น Hypercar class (รถแข่งปอร์เช่ 963):
ทีม Porsche Penske Motorsport (รถแข่งหมายเลข 5): Dane Cameron (สหรัฐอเมริกา), Michael Christensen (เดนมาร์ก), Fréderic Makowiecki (ฝรั่งเศส)
ทีม Porsche Penske Motorsport (รถแข่งหมายเลข 6): Kévin Estre (ฝรั่งเศส), André Lotterer (เยอรมนี), Laurens Vanthoor (เบลเยี่ยม)
ทีม Porsche Penske Motorsport (รถแข่งหมายเลข 75): Felipe Nasr (สหราชอาณาจักร), Mathieu Jaminet (ฝรั่งเศส), Nick Tandy (สหราชอาณาจักร)
ทีม Hertz Team Jota (รถแข่งหมายเลข 38): António Félix da Costa (โปรตุเกส), William Stevens (สหราชอาณาจักร), Yifei Ye (จีน)
รุ่น GTE-Am class (รถแข่งปอร์เช่ 911 RSR):
ทีม Proton Competition (รถแข่งหมายเลข16): Ryan Hardwick (สหรัฐอเมริกา), Zacharie Robichon (แคนาดา), Jan Heylen (เบลเยี่ยม)
ทีม Project1 – AO (รถแข่งหมายเลข 56): PJ Hyett (สหรัฐอเมริกา), Gunnar Jeanette (สหรัฐอเมริกา), Matteo Cairoli (อิตาลี)
ทีม Iron Lynx (รถแข่งหมายเลข 60): Claudio Schiavoni (อิตาลี), Matteo Cressoni (อิตาลี), Alessio Picariello (เบลเยี่ยม)
ทีม Dempsey-Proton Racing (รถแข่งหมายเลข 77): Christian Ried (เยอรมนี), Mikkel Pedersen (เดนมาร์ก), Julien Andlauer (ฝรั่งเศส)
ทีม Iron Dames (รถแข่งหมายเลข 85): Sarah Bovy (เบลเยี่ยม), Michelle Gatting (เดนมาร์ก), Rahel Frey (สวิสเซอร์แลนด์)
ทีม GR Racing (รถแข่งหมายเลข 86): Michael Wainwright (สหราชอาณาจักร), Ben Barker (สหราชอาณาจักร), Riccardo Pera (อิตาลี)
ทีม Proton Competition (รถแข่งหมายเลข 88): Harry Tincknell (สหราชอาณาจักร), Jonas Ried (เยอรมนี), Don Yount (สหรัฐอเมริกา)
ทีม Proton Competition (รถแข่งหมายเลข 911): Michael Fassbender (ไอร์แลนด์), Martin Rump (เอสโตเนีย), Richard Lietz (ออสเตรีย)
Porsche Penske Motorsport and the customer teams ทีมของโรงงานผลิตรถสปอร์ตแห่งเมืองสตุ๊ทการ์ท พร้อมพิชิตการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ในอิดิชั่นที่ 91 ของการแข่งขันระยะยาวแบบคลาสสิค (long-distance classic) ณ ประเทศฝรั่งเศส พร้อมเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 100 ปี ของการแข่งขันและ 75 ปีของแบรนด์รถสปอร์ตอย่างปอร์เช่
การแข่งขันที่เป็นไฮไลท์ประจำปีของตารางปฏิทินรายการ FIA World Endurance Championship WEC นั่นคือ 24 Hours of Le Mans การแข่งขันรถยนต์บนสนามแข่งในระยะทาง 13.626 กิโลเมตร ตลอด 24 ชั่วโมง การแข่งขันนี้ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี 1923 เป็นที่กล่าวขานในเรื่องของการนำเสนอนวัตกรรมยานยนต์ ความทนทาน และพละกำลัง มีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ ที่ไม่สามารถจัดการแข่งขันในเมืองทางตะวันตกเฉียงเหนือของฝรั่งเศส เพราะเหตุการณ์นัดหยุดงานในประเทศเมื่อปี 1936 และระหว่าง 1940 – 1948 สงครามโลกครั้งที่ 2 และช่วงฟื้นฟู
ในโอกาสวาระครบรอบนี้ ผู้จัดการแข่งขัน ACO (Automobile Club de l’Ouest) ได้เพิ่มเติมไฮไลท์พิเศษไปในกำหนดการแข่งขัน วันศุกร์ก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้นจะมีการนำเสนอเหล่านักแข่งทุกคนอีกครั้ง ณ สนามแข่งและจัดขบวนพาเหรดนักแข่งบริเวณใจกลางเมือง ในส่วนหนึ่งของการจัดแสดงรถแข่ง Le Mans ในตำนานจำนวน 40 คัน จะมีรถแข่งปอร์เช่ 4 คันวิ่งรอบสนามในวันเสาร์ก่อนที่การแข่งขันคลาสสิก 24 ชั่วโมงจะเริ่มขึ้น Mark Webber ลงประจำตำแหน่งควบ 936 สไปเดอร์ (936 Spyder) Timo Bernhard กุมบังเหียนปอร์เช่ 956 (Porsche 956) Marc Lieb รับผิดชอบ 962C และ Stephane Ortelli ประจำหลังพวงมาลัยรถคู่ใจที่คว้าแชมป์ของเขาเมื่อปี 1998 อย่าง ปอร์เช่ 911 GT1
เสียงจากเหล่านักแข่งก่อนเริ่มต้นการแข่งขัน
Dane Cameron (Porsche 963 หมายเลข 5) กล่าวว่า “ผมมีความคาดหวังสูงมากกับการแข่งขัน Le Mans ครั้งนี้ หลังจากผ่านมากว่า 1 ปีครั้งในการฝึกซ้อมสุดหนักหน่วงกับ Porsche 963 ตอนนี้มันคือช่วงเวลาที่เรารอคอย เป็นความรู้สึกพิเศษมากๆ ที่รู้ว่าการแข่งขันจะเกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้แล้ว เรามีโอกาสที่จะเป็นผู้ถือถ้วยรางวัล Le Mans กลับบ้าน มอบให้สำหรับ Porsche and Mr. Penske ในขณะเดียวกัน สำหรับผมรู้สึกเหมือนฝันเป็นจริง ผมฝันถึงบรรยากาศการแข่งขันและชัยชนะของสนามนี้เสมอ แทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะพบกับประสบการณ์ที่แสนพิเศษ”
André Lotterer (Porsche 963 หมายเลข 6) กล่าวว่า “ผมตั้งหน้าตั้งรอถึงวันที่จะกลับมาแข่งขัน Le Mans อีกครั้ง สนามนี้มีความสำคัญสำหรับผมมาก ตั้งแต่ที่มีโอกาสได้ลงแข่งให้แก่ทีมเก่าอย่าง Porsche LMP 1 ปี และรู้สึกกระตือรือร้นเป็นพิเศษที่จะได้ลงแข่งให้กับทีมใหม่ของโรงงาน ผมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากที่ได้รับโอกาสสำคัญนี้ ถึงแม้ว่าจะมีความสุขชัยชนะทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา แต่ผมยังต้องการมากกว่านั้น การบรรลุเป้าหมายและคว้าชัยมาให้กับ Porsche and Penske เป็นอีกหนึ่งความฝันที่ต้องทำให้ได้”
Mathieu Jaminet (Porsche 963 หมายเลข 75) กล่าวว่า “มันผ่านมาประมาณ 2-3 ปีที่ผมได้มีโอกาสลงแข่งขัน Le Mans 24 Hours ผมแทบจะรออีกไม่ไหวที่จะได้ลงแข่งอีกครั้ง เนื่องจากอาจจะเป็นการแข่งขันรายการเดียวของผมในฝรั่งเศสปีนี้ แต่ก็สามารถพูดได้ว่ามันเป็น Home race การแข่งในบ้านตัวเอง เราพร้อมเดินทางไปอย่างเต็มสปิริต พร้อมด้วย US Team และรถคันที่ 3 นำโดย IMSA championship เราจะเข้าสู่สุดสัปดาห์นี้ด้วยการมองโลกในแง่ดี หวังว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดี และพวกเราได้เปิดขวดแชมเปญกันบนโพเดี้ยม”
António Félix da Costa (Porsche 963 หมายเลข 38) กล่าวว่า “สำหรับทีมและผม รู้สึกเสมอว่า Le Mans นั้นยิ่งใหญ่ มีองค์ประกอบที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความรู้สึกและความเป็นจริง ผลักดันการแข่งขันครั้งนี้และส่งผลให้เราก้าวไปสู่ตำแหน่ง Top Class พร้อมด้วย Porsche 963 แม้ว่าทีมของเราจะเคยคว้าชัยชนะมาแล้วใน LMP2 class แต่ทุกคนก็ยังระมัดระวังและตระหนักถึงงานที่ใหญ่หลวงในการดูแลรถใหม่ เพราะประสบการณ์กับรถปอร์เช่ของเรายังไม่มากนัก ที่ผ่านมาพยายามเรียนรู้อย่างมากจากการร่วมขับแข่งกับทีมของโรงงาน ณ Le Castellet เรากำลังก้าวเข้าไปสู่การแข่งขันอย่างอ่อนน้อมแต่อัดแน่นไปด้วยความหวัง เราจะเดินไปทีละขั้นเพื่อมุ่งสู่สูงสุดของพละกำลังและความสามารถของเรา”
Jan Heylen (Porsche 911 RSR หมายเลข 16) กล่าวว่า “ในปี 2022 ผมได้มีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับ Fred Poordad and Max Root ซึ่งเราจบที่ 5 ของคลาสในการแข่งขัน Le Mans ส่วนปีนี้ ผมได้ลงแข่งร่วมกับทีมเมทที่รู้จักกันมายาวนานอย่าง Ryan Hardwick and Zach Robichon เราผ่านการแข่งและคว้าชัยกันมาหลายสนาม และผมอยากร่วมบันทึกเสน่ห์ของ Le Mans ในวาระครบรอบนี้ มันเป็นความพิเศษด้วยเหตุผลบางอย่าง เช่น เป็นปีสุดท้ายของ 911 RSR เป็นปีสุดท้ายของ GTE-AM class และเป็นการเริ่มต้นของประเภท Hypercar พวกเรา Ryan, Zach และทีม Proton Competition ไม่สามารถบรรยายความตื่นเต้นนี้ได้เลย”
Alessio Picariello (Porsche 911 RSR หมายเลข 60) กล่าวว่า “นี่คือครั้งที่ 3 ในการลงแข่งขัน 24-hour ของผม แต่ปีนี้มีความพิเศษมากกว่าเพราะเป็นปีครบรอบและเฉลิมฉลอง 100 ปี อีกทั้งปอร์เช่ก็ครบรอบ 75 ปีเช่นกัน ผมตื่นเต้นมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของวาระพิเศษนี้ ในขณะเดียวกัน มันเป็นปีสุดท้ายของ GTE และ 911 RSR ซึ่งเป็นรุ่นรถที่ผมรัก ดังนั้นเราจะเต็มที่และสนุกไปกับงานนี้อย่างที่สุด”
Julien Andlauer (Porsche 911 RSR หมายเลข 77) กล่าวว่า “Le Mans คือการแข่งรถในตำนานที่ไม่มีอะไรเทียบได้ และยิ่งใหญ่ที่สุดของปี ในเวลาเดียวกันก็คือสนามที่สำคัญที่สุดของ FIA WEC เพราะนักแข่งทุกคนจะสามารถเก็บคะแนนได้มากที่สุดจากสนามนี้ ผมตั้งหน้าตั้งตารอการแข่งขันครั้งที่ 6 ของตนเอง ซึ่งทุกครั้งได้ร่วมกับทีม Dempsey-Proton มาโดยตลอด ทีมได้มอบโอกาสให้ผมครั้งแรกเมื่อปี 2018 และเชื่อมั่นมาตลอดทุกปี ผมรู้สึกขอบคุณมากๆ หลังจากปี 2019 ผมได้ร่วมขับกับ Christian Ried นักแข่งรุ่นใหม่ สำหรับงานนี้ มันมีความหมายสำหรับผมมากที่ได้ร่วมลงแข่งขันในปีแห่งการครบรอบ 100 ปี Le Mans เราจะทำให้ดีที่สุด”
Michelle Gatting (Porsche 911 RSR หมายเลข 85) กล่าวว่า “ผมนับถอยหลังรอเวลาลงแข่ง 24 Hours of Le Mans ครั้งที่ 5 ของผม พร้อมด้วยทีม Iron Dames การแข่งขันบนวาระครบรอบ 100 ปีนี้มันช่างแสนพิเศษ เรารู้สึกมุ่งมั่นมาก เพราะรู้ดีว่า เรามีรถพละกำลังสูง มีทีมที่แข็งแกร่ง เราทุกคนเคารพซึ่งกันและรู้แก่ใจว่า ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ในการแข่งขัน แต่เราก็ยังโหยหาชัยชนะอยู่ดี”
Riccardo Pera (Porsche 911 RSR หมายเลข 86) กล่าวว่า “ภายในเพียงแค่ช่วง 3 สัปดาห์นี้ ผมต่อสู้กับ 2 รายการแข่งขันที่สำคัญระดับโลก มันเหมือนฝัน ผมผ่านการแข่งขันรายการ Porsche Mobil 1 Supercup ครั้งแรกใน มานาโค กรังด์ปรีซ์ และตอนนี้มาถึงสนาม Le Mans เป็นครั้งที่ 4 ของผมในการลงแข่งขัน 24 Hours ด้วยรถ 911 RSR ส่วนปีนี้ผมกลับมาขับให้ GR Racing เราตั้งใจจะทำให้ดีกว่าที่ 4 จากปีที่ผ่านมา”
Harry Tincknell (Porsche 911 RSR หมายเลข 88) กล่าวว่า “จาก WEC ที่ สนาม Spa เราได้คะแนนดีที่สุดสำหรับ GTE Porsche ด้วยลำดับที่ 4 เป็นการชี้วัดที่ค่อนข้างดีเพื่อเตรียมเข้าสู่สนาม Le Mans แต่เรายังต้องมุ่งมั่นทำงานอีกบางอย่าง สำหรับ ทีม Proton ได้มีรถเพิ่มอีกหลายคันในปีนี้ ผมเฝ้ารอการแชร์ไอเดีย แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน พร้อมด้วยการทำงานร่วมกับวิศวกรของทีมเพื่อเฟ้นหาวิธีการเตรียมความพร้อมที่ดีที่สุดสำหรับสัปดาห์นี้ ที่สำคัญต้องมีแฟนๆ ของการแข่งขัน Le Mans จำนวนมากที่เข้ามารับชมการแข่งขันในปีครบรอบนี้ มันต้องเป็นบรรยากาศที่สุดพิเศษแน่ๆ หรืออาจจะเป็น Le Mans ที่ดีที่สุดเลยก็เป็นได้ ผมหวังว่า เราจะสามารถแสดงผลงานที่น่าตรึงใจให้กับ 911 RSR”
Richard Lietz (Porsche 911 RSR หมายเลข 911) กล่าวว่า “ถือเป็นปีที่ 5 แล้ว สำหรับการขับร่วมกับ Michael Fassbender ผมมั่นใจว่าเขาจะเตรียมตัวต่อสู้ในสนามเป็นอย่างดี ประกอบกับทีมสนับสนุนที่มากประสบการณ์อย่าง Proton Competition พวกเขาทำผลงานทุกอย่างได้ดีใน Le Mans เราต้องการจะจบการแข่งขันอย่างสมบูรณ์แบบไร้ที่ติเท่าที่เราจะทำได้ หากเราทำสำเร็จ แน่นอนว่าสิ่งดีๆ จะตามมาเร็วๆ นี้”
ผลงานที่ไม่มีใครเทียบได้ของ Porsche ใน Le Mans
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 1948 Porsche 356 No.1 Roadster ได้รับอนุญาตให้ปรากฏตัวเฉิดฉายอยู่บนท้องถนนของประเทศเยอรมนี ซึ่งย้อนกลับไปเมื่อ 75 ปีที่แล้วนั้น ถือเป็นการกำเนิดของแบรนด์รถสปอร์ตแห่งเมืองสตุ๊ทการ์ท และเพียงแค่ 3 ปีต่อมา โรงงานปอร์เช่ ได้ส่งตนเองเข้าร่วมรายการ 24 Hours Le Mans เป็นครั้งแรก เริ่มต้นด้วยความสำเร็จจาก นักแข่งสัญชาติฝรั่งเศส 2 นาย ได้แก่ Auguste Veuillet and Edmond Mouche คว้าชัยชนะในคลาสด้วย Porsche 356/4 SL Coupé ตั้งแต่นั้นมา Porsche ได้เข้าร่วมการแข่งขันรายการ endurance race ทุกปี ต้องขอขอบคุณชัยชนะอันยิ่งใหญ่ Le Mans Winner ทั้ง 19 ครั้งและ ชัยชนะอีก 110 ในคลาส โรงงานผลิตรถสปอร์ตสัญชาติเยอรมันจากเมืองสตุ๊ทการ์ทนี้ ขึ้นเป็นอันดับหนึ่งในรายการความสำเร็จของผู้จัดงาน Automobile Club de l’Ouest (ACO)
24 Hours of Le Mans – Porsche’s outright victories
1970 – Herrmann (D) / Attwood (GB) – Porsche 917 KH
1971 – Marko (A) / Van Lennep (NL) – Porsche 917 KH
1976 – Ickx (B) / Van Lennep (NL) – Porsche 936
1977 – Ickx (B) / Haywood (USA) / Barth (D) – Porsche 936/77
1979 – Ludwig (D) / D. Whittington (USA) / B. Whittington (USA) – Porsche 935 K3
1981 – Ickx (B) / Bell (GB) – Porsche 936
1982 – Ickx (B) / Bell (GB) – Porsche 956
1983 – Schuppan (AUS) / Haywood (USA) / Holbert (USA) – Porsche 956
1984 – Pescarolo (F) / Ludwig (D) – Porsche 956
1985 – Barilla (I) / Ludwig (D) / Krages (D) – Porsche 956
1986 – Bell (GB) / Stuck (D) / Holbert (USA) – Porsche 962C
1987 – Bell (GB) / Stuck (D) / Holbert (USA) – Porsche 962C
1994 – Dalmas (F) / Haywood (USA) / Baldi (I) – Dauer Porsche 962 LM
1996 – Wurz (A) / Reuter (D) / Jones (USA) – TWR Porsche WSC-95
1997 – Kristensen (DK) / Alboreto (I) / Johansson (S) – TWR Porsche WSC-95
1998 – Aiello (F) / McNish (GB) / Ortelli (F) – Porsche 911 GT1
2015 – Bamber (NZ) / Tandy (GB) / Hülkenberg (D) – Porsche 919 Hybrid
2016 – Jani (CH) / Lieb (D) / Dumas (F) – Porsche 919 Hybrid
2017 – Bernhard (D) / Hartley (NZ) / Bamber (NZ) – Porsche 919 Hybrid
ตารางการแข่งขัน
วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน 2023
(เวลาตามประเทศเยอรมนี)
2:00 pm – 4:30 pm: Drivers’ parade (city centre)
3:00 pm – 8:00 pm: Pit walk
6:30 pm – 7:30 pm: Drivers’ parade (racetrack)
(เวลาตามประเทศไทย)
7:00 pm – 9:30 pm: Drivers’ parade (city centre)
8:00 pm – 1:00 am: Pit walk
11:30 pm – 0:30 am: Drivers’ parade (racetrack) ของวันถัดไป
วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน 2023
(เวลาตามประเทศเยอรมนี)
Midday – 12:15 pm: Warm-up
12:30 pm – 1:10 pm: Parade of 40 legendary Le Mans vehicles
4:00 pm: Start 24 Hours of Le Mans
(เวลาตามประเทศไทย)
5:00 pm – 5:15 pm: Warm-up
5:30 pm – 6:10 pm: Parade of 40 legendary Le Mans vehicles
9:00 pm: Start 24 Hours of Le Mans
วันอาทิตย์ที่ 11 มิถุนายน 2023
(เวลาตามประเทศเยอรมนี)
4:00 pm: Finish 24 Hours of Le Mans
(เวลาตามประเทศไทย)
9:00 pm: Finish 24 Hours of Le Mans จบการแข่งขัน