วิกฤต COVID-19 ส่งผลให้คนทั่วโลกตื่นตัวในการดูแลรักษาสุขภาพมากขึ้นและเป็นไปในลักษณะเชิงป้องกันหรือ Preventive Medicine ซึ่งกลายเป็นเมกะเทรนด์ในระดับโลก ธุรกิจสุขภาพจึงต้องมีการปรับตัวรองรับความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยโรงพยาบาลพระรามเก้าได้วางยุทธศาสตร์โรงพยาบาลเป็น Digital Hospital เต็มรูปแบบ
นายแพทย์เสถียร ภู่ประเสริฐ กรรมการผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระรามเก้า กล่าวว่า “ตลอด 30 ปีที่ผ่านมา เราตั้งใจพัฒนาการให้บริการที่มีคุณภาพครอบคลุมทั้งการรักษาและการป้องกันก่อนเจ็บป่วย เพื่อให้ผู้รับบริการมีสุขภาพชีวิตที่ดีทั้งกายและใจและได้รับประโยชน์สูงสุด สำหรับโรงพยาบาลพระรามเก้ามุ่งสู่การเป็น Digital Hospital จะเป็นการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อบริการทางการแพทย์และกระบวนการทำงานภายในโรงพยาบาล
โรงพยาบาลพระรามเก้าเป็นโรงพยาบาลที่อยู่คู่กับคนไทยมาตั้งแต่ปี 2535 ให้บริการดูแลรักษาผู้ป่วยที่ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการส่งเสริมสุขภาพ ตรวจหาความเสี่ยง ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู ทั้งโรคทั่วไปและโรคซับซ้อนต่างๆ ปัจจุบันการแข่งขันในธุรกิจโรงพยาบาลเรียกได้ว่าดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ เห็นได้จากการขยับตัวของรายเดิม ขณะเดียวกันก็มีรายใหม่ทยอยเข้ามาสู่สนามแข่งขันเรื่อยๆ ทั้งไทยและต่างชาติ ทำให้โรงพยาบาลพระรามเก้าได้วางกลยุทธ์หลักสำหรับสู้ศึกในธุรกิจโรงพยาบาลและสร้างการเติบโตมุ่งสู่การเป็น Digital Hospital โดยมีจุดเด่นทางธุรกิจดังนี้
1.สถานที่ตั้งของโรงพยาบาลอยู่ในย่าน New CBD ที่มีชุมชนขนาดใหญ่หลายพื้นที่และหนึ่งในศูนย์รวมการเดินทางของกรุงเทพฯ เป็นทำเลที่มีศักยภาพ ใกล้สถานทูตจีน จึงมีโอกาสขยายฐานกลุ่มที่ต้องการดูแลสุขภาพ ป้องกันการเจ็บป่วย และผู้ใช้บริการชาวจีนที่มีจำนวนมากในย่านนี้ ปัจจุบันมีผู้ใช้บริการต่างชาติทั้งที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้ามาใช้บริการอยู่ที่ 10-15% ชาวต่างชาติที่มาใช้บริการอันดับต้นๆ คือจีนและกลุ่ม CLMV
2.ความเชี่ยวชาญการให้บริการรักษาโรคซับซ้อน เช่น โรคที่เกี่ยวข้องกับไต โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจขาดเลือด โรคไทรอยด์ และการผ่าตัดไทรอยด์ โรงพยาบาลพระรามเก้ามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเทคโนโลยีทันสมัย พร้อมส่งมอบบริการทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานสูงสุด ได้รับการรับรองมาตรฐานการรักษาระดับสากลจากสถาบัน Joint Commission International สหรัฐอเมริกา (JCI) ตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน
3.การให้บริการทางการแพทย์ในราคาที่เข้าถึงได้ เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าได้ให้ความสำคัญ มีการสำรวจเรื่องราคาซึ่งจะต้องต่ำกว่าโรงพยาบาลในระดับเดียวกัน จะช่วยในการขยายฐานผู้ใช้บริการกลุ่มผู้บริโภคที่มีรายได้ระดับปานกลางขึ้นไป เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ทำให้ผู้ใช้บริการมาที่โรงพยาบาลพระรามเก้า
นอกจากนี้ ข้อมูลสถิติของกรมกิจการผู้สูงอายุพบว่า ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ปี 2565 มีประชากรผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 12,116,199 คน คิดเป็น 18.3% ของประชากรทั้งหมด ขณะที่ในปี 2574 สัดส่วนผู้สูงอายุจะอยู่ที่ 28% อาจทำให้สังคมไทยเป็นสังคม Super-aged Society อีกทั้งยังมีโรคที่เกิดจากการใช้ชีวิตและการทำงาน เช่น ออฟฟิศซินโดรม การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ปัญหาความเครียด เป็นต้น จึงทำให้หลายคนหันมาสนใจรักษาสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น รวมถึงรัฐบาลยังมีนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub ที่จะกลายเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ของภูมิภาคนี้ จากปัจจัยดังกล่าวทำให้โรงพยาบาลพระรามเก้า ได้มีการขยายอาคารใหม่ เพื่อรองรับโอกาสขยายตัวทางธุรกิจ และมุ่งสู่การเป็นศูนย์รวมด้านการดูแลสุขภาพที่ทันสมัย
นายแพทย์เสถียร กล่าวว่า “จากความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคซับซ้อนมากว่า 30 ปี ได้นำมาสู่การดูแลและส่งเสริมสุขภาพก่อนป่วย เกิดเป็นศูนย์การแพทย์พระรามเก้า การแพทย์ด้านไลฟ์สไตล์ที่พร้อมดูแลปัญหาสุขภาพของคนยุคใหม่ โดยมีสถาบัน Fix & Fit เป็นสถาบันดูแลสุขภาพแบบเชิงรุกที่พร้อมตอบทุกปัญหาการใช้ชีวิต ด้วยสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่อบอุ่น เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้รับความสะดวกมากที่สุด และปีนี้เราได้ทำการสื่อสารและการตลาดแบบครบวงจร เช่น การโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อออฟไลน์และออนไลน์ โซเชียลมีเดียครบทุกแพลตฟอร์ม อย่าง TikTok เริ่มมาได้ 4 เดือน เป็นเพราะต้องการสื่อสารกับลูกค้ามากขึ้น เพราะที่ผ่านมาคนรู้จักเราน้อย เรามุ่งแต่เรื่องการรักษาเพียงอย่างเดียว ไม่ค่อยได้ทำการตลาด ส่วนใหญ่เป็นปากต่อปากจากลูกค้าที่มาใช้บริการว่า ที่นี่เด่นเรื่องอะไร เราจึงต้องสะท้อนจุดแข็งออกมากให้ชัดเจนเพื่อดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ และขยายการเติบโตทางธุรกิจ”
Digital Hospital เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ทางโรงพยาบาลพระรามเก้าจะเริ่มจากการทำ Digital Transformation สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ให้เกิดการร่วมมือของทุกภาคส่วน เพื่อมองเป้าหมายเดียวกันหรือที่เรียกกันว่า CAT Culture
C – Collaboration การร่วมแรงร่วมใจเป็นหนึ่งเดียวกันของบุคลากร รวมถึงการผนึกกำลังกับพันธมิตร เพื่อสร้างการบริการที่ดี ครอบคลุมทุกความต้องการ
A – Agility พร้อมปรับตัว เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ทั้งวิธีคิดและกระบวนการทำงาน เพื่อสร้างความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้รับบริการ
T – Trust ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความใส่ใจ ให้บริการอย่างมีมาตรฐานระดับโลก เพื่อเป็นโรงพยาบาลที่ลูกค้าวางใจได้ สมกับสโลแกน Healthcare you can trust
“เป้าหมายในอนาคตเราต้องการให้เกิด Full Capacity ซึ่งเราไม่ได้จะขยายโรงพยาบาล แต่จะขยายเครือข่ายให้ครอบคลุมทั้ง 4 ภาค โดยเฉพาะโรคซับซ้อน เพราะโรงพยาบาลบางแห่งไม่มีความพร้อมด้านความสามารถในการรักษา โดยเราจะช่วยเรื่องการศึกษา และการส่งคนไข้มารักษาที่นี่ ซึ่งปัจจุบันได้มีการทำไปบ้างแล้ว” นายแพทย์เสถียร กล่าวทิ้งท้าย