30.9 C
Bangkok
Saturday, November 16, 2024
Mitsubishi
มอเตอร์ไซค์​ honda
previous arrow
next arrow

ปตท. ช่วยค่าพลังงานประชาชนถึงสิ้นปี’66 เคาะให้ส่วนลดราคาขายก๊าซ NGV รอบใหม่

ปตท. มุ่งช่วยค่าพลังงานประชาชนต่อเนื่อง เคาะให้ส่วนลดราคาจำหน่ายก๊าซ NGV รอบใหม่ พร้อมเปิดขยายการช่วยเหลือให้แก่กลุ่มรถแท็กซี่ และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ จะมีผลตั้งแต่ 16 มิถุนายน 2566 ถึงสิ้นปี 2566 รวมวงเงินการช่วยเหลือตลอดปี 2566 กว่า 6,000 ล้านบาท โดยราคานี้เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิง LPG และดีเซลที่ค่าความร้อนเดียวกัน ก๊าซ NGV จะถูกกว่าถึง 24% และ 44% ตามลำดับ 

ม.ล. ปีกทอง ทองใหญ่ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. เมื่อ 26 พฤษภาคม 2566 มีมติเห็นชอบให้ส่วนลดราคาก๊าซ NGV สำหรับกลุ่มรถแท็กซี่และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ โดยจำหน่ายราคา 14.62  บาท/กิโลกรัม และ 18.59 บาท/กิโลกรัม ตามลำดับ ซึ่งถือเป็นส่วนลดราคา NGV ณ เดือนมิถุนายน 2566 สำหรับกลุ่มแท็กซี่ที่ประมาณ 5.52 บาท/กิโลกรัม และส่วนลดรถโดยสารสาธารณะประมาณ 1.55 บาท/กิโลกรัม จากราคาขายปลีก NGV ตามโครงสร้างที่ภาครัฐกำหนดประมาณการเฉลี่ยที่ 20.14 บาท/กิโลกรัม โดยการช่วยเหลือกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศจะมีผลตั้งแต่ 16 มิถุนายน 2566 จนถึงสิ้นปี 2566 รวมวงเงินการช่วยเหลือตลอดปี 2566 กว่า 6,000 ล้านบาท โดยราคานี้เมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อเพลิง LPG และดีเซลที่ค่าความร้อนเดียวกัน ก๊าซ NGV จะถูกกว่าถึง 24% และ 44% ตามลำดับ  

ทั้งนี้ ปตท. มุ่งหวังว่าการช่วยเหลือในครั้งนี้  จะช่วยแบ่งเบาภาระค่าพลังงานแก่กลุ่มรถโดยสารสาธารณะ ได้แก่ กลุ่มรถแท็กซี่ NGV และรถโดยสารสาธารณะ NGV ทั่วประเทศให้ได้รับสิทธิประโยชน์นี้ พร้อมเปิดขยายการช่วยเหลือกลุ่มรถแท็กซี่และกลุ่มรถโดยสารสาธารณะทั่วประเทศ โดยผู้ขอรับสิทธิ์ประเภทบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล สามารถลงทะเบียนออนไลน์ ตั้งแต่ 23 มิถุนายน-6 สิงหาคม 2566 และกรณีบุคคลธรรมดา ขอให้ยืนยันตัวตนเพิ่มเติมที่ศูนย์การค้าเซียร์ รังสิต จ.ปทุมธานี ระหว่าง 5 กรกฎาคม-15 สิงหาคม 2566 โดยสามารถติดตามรายละเอียดการรับสมัครเพิ่มเติมได้ที่ Line OA : PTT NGV เพื่อรับสิทธิ์ส่วนลดที่สถานีบริการ NGV ปตท. ที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

ปตท. ในฐานะบริษัทพลังงานแห่งชาติ ยึดมั่นพันธกิจสร้างความมั่นคงทางพลังงาน พร้อมเป็นแรงสำคัญขับเคลื่อนอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2563 ถึงปัจจุบัน ได้ใช้งบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท เพื่อบรรเทาผลกระทบของภาคประชาชนจากวิกฤตโควิด-19 และสงครามรัสเซีย-ยูเครน อาทิ การสำรองน้ำมันเพื่อป้องกันการขาดแคลนในภาวะวิกฤติ การตรึงราคา NGV การช่วยเหลือราคา LPG แก่หาบเร่แผงลอยผู้มีรายได้น้อยผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมัน และการขยายเทอมการชำระเงินแก่ กฟผ. เพื่อลดภาระค่า FT  เป็นต้น

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles