ปอร์เช่ (Porsche) เผยโฉม 911 Cup รุ่นใหม่ล่าสุด รถแข่งวันเมคคัพที่พัฒนาสำหรับการแข่งขัน ปอร์เช่ โมบิล 1 ซูเปอร์คัพ (Porsche Mobil 1 Supercup) และ คาร์เรร่า คัพ (Carrera Cup) และรายการอื่น ๆ ที่ปอร์เช่ รับรอง 911 Cup รุ่นใหม่นี้พร้อมลงแข่งตั้งแต่ต้นฤดูกาล 2026 เป็นต้นไป รถรุ่นนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของรุ่นก่อน ด้วยการปรับปรุงในรายละเอียดในหลายจุด เน้นเพิ่มสมรรถนะ ลดต้นทุนการดูแลรักษา และทำให้ควบคุมง่ายขึ้นสำหรับทั้งนักแข่งและทีมช่าง ด้วยเครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ 4.0 ลิตร แบบไร้ระบบอัดอากาศ ให้พลังสูงสุด 382 กิโลวัตต์ (520 แรงม้า) เพิ่มขึ้น 10 แรงม้า
สตุ๊ทการ์ท : ปอร์เช่เปิดตัวรถแข่งรุ่นใหม่ในตระกูล 911 สำหรับรายการวันเมคคัพและซีรีส์ต่าง ๆ อย่างเป็นทางการ ภายใต้ชื่อ 911 คัพ (911 Cup) การตั้งชื่อนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปรับมาตรฐานการตั้งชื่อรถแข่งลูกค้าของปอร์เช่ให้ชัดเจนและเป็นหนึ่งเดียว โดยต่อไปรถแข่งที่จะใช้ในรายการแข่งขันแบบเปิดยี่ห้อ หรือในเซ็กเมนต์เฉพาะ จะใช้ชื่อตามท้ายด้วย “GT” ตามด้วยหมายเลข เหมือนเช่น 911 จีที 3 อาร์ (911 GT3 R) รุ่นใหม่ ที่เปิดตัวพร้อมกันในวันนี้ โดย 911 คัพ รุ่นใหม่นี้พัฒนามาจากรถสปอร์ต 911 จีที รุ่นที่สามารถวิ่งบนถนนได้จริง และผลิตพร้อมกับรถรุ่นมาตรฐานที่โรงงานหลักของปอร์เช่ในเมืองซุฟเฟนเฮาเซน ซึ่งแนวทางนี้พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ตั้งแต่เริ่มสายการผลิตปลายปี 2020 จนถึงปัจจุบัน ปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต (Porsche Motorsport) ผลิต 911 จีที 3 คัพ (911 GT3 Cup) รุ่นปัจจุบันไปแล้ว 1,130 คัน และหากนับรวมทั้งหมดปอร์เช่ได้ผลิตรถแข่ง 911 สำหรับการแข่งขันวันเมคเรซมาแล้วถึง 5,381 คัน
โทมัส เลาเดนบัค (Thomas Laudenbach) รองประธานฝ่ายมอเตอร์สปอร์ต กล่าวว่า “เช่นเดียวกับรุ่นที่ประสบความสำเร็จในอดีต 911 คัพ ใหม่ยังคงก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยการผสานชิ้นส่วนจากรถสปอร์ต จีที รุ่นใช้บนถนนเข้ากับเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ตอย่างแท้จริง จนกลายเป็นรถแข่งที่มีสมรรถนะสูงและมีคอนเซ็ปต์ที่ลงตัว การขับ 911 คัพ ถือเป็นความท้าทายเสมอ และเราต้องการให้เป็นเช่นนั้นต่อไป เพราะมันยังเป็นเวทีฝึกฝนฝีมือให้กับนักแข่งเยาวชน ปอร์เช่ จูเนียร์ (Porsche Junior) อีกด้วย ความสำเร็จของแนวคิดนี้พิสูจน์ได้จากชัยชนะนับไม่ถ้วนทั้งในระดับสนามและแชมป์เปี้ยนชิพมากมาย”
ไมเคิล ไดรเซอร์ (Michael Dreiser) ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต กล่าวเสริมว่า “รถแข่งคัพที่พัฒนาจาก 911 คือหนึ่งในรถแข่งที่ขายดีที่สุดในโลก ร่วมกับ 718 จีที 4 อาร์เอส คลับสปอร์ต (718 GT4 RS Clubsport) มันคือรากฐานสำคัญของลำดับขั้นในมอเตอร์สปอร์ตของเรา และถูกใช้ทั่วโลกในซีรีส์วันเมคคัพ ความสำเร็จของรุ่นนี้ยังไปไกลกว่านั้นมาก เคล็ดลับอยู่ที่ ‘สมรรถนะที่รอบด้าน’ รถคัพ สามารถทำผลงานโดดเด่นได้อย่างสม่ำเสมอ ทั้งในการแข่งเอ็นดูรานซ์ (Endurance Races) รายการจีที แบบเปิด และการแข่งขันอีกนับไม่ถ้วน”
โครงสร้างตัวถัง: ดีไซน์ใหม่ ปรับอากาศพลศาสตร์ให้ดียิ่งขึ้น
911 คัพ รุ่นใหม่นี้โดดเด่นจากรุ่นก่อนทันทีที่มองเห็น โดยเฉพาะด้านหน้าที่สะท้อนเส้นสายของ 911 จีที 3 เจเนอเรชัน 992.2 ได้อย่างชัดเจน สปอยเลอร์หน้าถูกออกแบบเป็น 3 ชิ้นแยก ทำให้เมื่อเกิดการกระแทกสามารถเปลี่ยนเฉพาะส่วนที่เสียหายได้ ลดทั้งค่าบรรจุภัณฑ์และค่าขนส่งของชิ้นส่วนอะไหล่ การตัดไฟเดย์ไทม์รันนิ่งไลต์ออกก็เพื่อเหตุผลเดียวกัน ลดความเสี่ยงต่อการทำให้หม้อน้ำด้านหลังเสียหายเมื่อเกิดการชน และไม่ต้องเสียเวลาเปลี่ยน
ซุ้มล้อถูกออกแบบให้มีช่องระบายอากาศแบบบานเกล็ด เพื่อช่วยไหลเวียนลมผ่านซุ้มล้อ และสร้างแรงกดอากาศเพิ่มที่เพลาหน้า ร่วมกับแผงใต้ท้องรถที่ปรับให้ลู่ลมยิ่งขึ้น (เหมือนในรุ่นมาตรฐานที่ใช้ขับขี่บนถนน) เพื่อเสริมเสถียรภาพในการขับขี่ นอกจากนี้ยังมีแผงบังคับทิศทางลม (turning vanes) หลังซุ้มล้อหน้าเพื่อจัดการการไหลของอากาศให้ดียิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ช่วยให้เพลาหน้าตอบสนองแม่นยำ โดยเฉพาะในความเร็วสูง ทำให้ผู้ขับสามารถเล็งมุมเข้าโค้งได้คมกว่าเดิม
ด้านหลังของ 911 คัพ ถูกออกแบบใหม่หมดให้ดุดันกว่าเดิม ปีกหลังแบบ swan-neck ปรับการเชื่อมกับขาตั้งใหม่ ทำให้ปรับตำแหน่งและจัดการได้ง่ายขึ้น ฝาครอบห้องเครื่องก็ถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับชิ้นส่วนตัวถังเกือบทั้งหมด (รวมถึงประตู) ที่ทำจากผ้าคาร์บอนรีไซเคิลผสมเรซินชีวภาพ ตัวผ้าคาร์บอนนี้ได้มาจากกระบวนการผลิตอื่น นอกจากช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังช่วยควบคุมราคาชิ้นส่วนอะไหล่ให้นิ่งขึ้นด้วย
เครื่องยนต์: ขุมพลังแข่งที่พัฒนาจนใกล้เคียงกับ 911 จีที 3 มากขึ้น
911 คัพ ยังคงใช้เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 6 สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ สามารถทำความเร็วรอบได้สูง และไร้ระบบอัดอากาศ (NA) ความจุ 4.0 ลิตร ให้เสียงที่ทรงพลัง ดุดันเร้าใจ พัฒนามาจากเครื่องของปอร์เช่ 911 จีที 3 รุ่นที่ใช้บนท้องถนน สำหรับรุ่นแข่งใหม่นี้มีกำลัง 382 กิโลวัตต์ (520 แรงม้า) พร้อมอัปเกรดชิ้นส่วนจากเครื่องรุ่นผลิตบนท้องถนน เช่น ลิ้นปีกผีเสื้อแยกแต่ละสูบที่ปรับการไหลของอากาศให้ดียิ่งขึ้น และเพลาลูกเบี้ยวที่ขยายระยะเวลาเปิดวาล์ว ทำให้ไม่ต้องใช้ลิ้นปีกผีเสื้อตรงกลางอีกต่อไป และสามารถติดตั้งตัวจำกัดอากาศ (Air Restrictor) เพื่อเข้าร่วมแข่งในรายการมอเตอร์สปอร์ตอื่นได้ แม้กำลังเพิ่มขึ้น 10 แรงม้า แต่ยังคงทนทาน ใช้งานได้ถึง 100 ชั่วโมงในสนามก่อนรับการซ่อมบำรุงใหญ่ และมีชุดท่อไอเสียให้เลือก 3 แบบ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎควบคุมเสียงที่แตกต่างกันตามสนามและประเทศ
ระบบส่งกำลังอัปเกรดเป็นคลัตช์แข่งโลหะ 4 แผ่น ที่แข็งแรงกว่าเดิม รับหน้าที่ส่งกำลังไปยังเกียร์ 6 จังหวะ การอัปเกรดนี้ทำให้เพิ่มรอบเครื่องขณะออกตัวจากเดิมที่จำกัดไว้ 6,500 รอบ/นาที ทำให้เสียงเครื่องตอนสตาร์ทเร้าใจยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันสตาร์ทเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งจะทำงานทันทีเมื่อผู้ขับเหยียบคลัตช์หลังจากรถดับโดยไม่ได้ตั้งใจ และเพิ่มระบบไฟเบรกกระพริบ (stroboscope) เพื่อเตือนรถคันหลังในช่วงออกสตาร์ท แทนการใช้ไฟฉุกเฉินแบบเดิม
ระบบเบรก: ประสิทธิภาพสูงขึ้น ใช้ทนนานกว่าเดิม
ระบบเบรกของ 911 คัพ ถูกปรับปรุงครั้งใหญ่ ด้านหน้าใช้จานเบรกขนาด 380 มม. หนาขึ้นจาก 32 มม. เป็น 35 มม. ทำให้มีช่องระบายอากาศภายในที่ใหญ่ขึ้น ระบายความร้อนได้ดีขึ้น การปรับนี้เกิดจากการย้ายหม้อน้ำหลักไปไว้ด้านหลัง ทำให้สามารถนำลมเย็นเข้าสู่ระบบเบรกจากด้านหน้ากลางของตัวรถได้โดยตรง นอกจากนี้ยังลดขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของส่วนยึดจานเบรก (Brake Disc Hat) เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสระหว่างจานเบรกกับผ้าเบรก ส่งผลให้หยุดรถได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยผ้าเบรกที่กว้างขึ้น คงความทนทานในการแข่งระยะไกล และยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนแต่ละชิ้นได้อย่างชัดเจน
ระบบ ABS สำหรับแข่ง Bosch M5 จะติดตั้งมาให้จากโรงงานทุกรุ่น 911 คัพ มาพร้อมการประมวลผลข้อมูลที่แม่นยำขึ้น รับสัญญาณจากเซนเซอร์ตรวจจับอัตราเร่งรุ่นใหม่ที่สามารถอ่านข้อมูลได้ละเอียดกว่าเดิม ซอฟต์แวร์ยังสามารถแจ้งเตือนเมื่อมีการรั่วในระบบเบรกทั้งสองวงจร อีกทั้งถังน้ำมันเบรกถูกขยายขนาดเพื่อรองรับการแข่งระยะไกล
จุดหยุดของพวงมาลัยก็ได้รับการปรับให้หมุนได้มุมกว้างขึ้น ทำให้เลี้ยวในโค้งแคบหรือถนนในเมืองได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้ผู้ขับควบคุมรถขณะโอเวอร์สเตียร์ได้ดีขึ้นอีกด้วย
ห้องโดยสาร: ควบคุมง่ายขึ้นทั้งในสนามและขณะเข้าพิต
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันรุ่นใหม่ของ 911 คัพ ถูกออกแบบให้ดูหรูขึ้นและใช้งานง่ายขึ้น ปุ่มปรับแบบหมุนตรงกลางใช้สำหรับตั้งค่าระดับการทำงานของ ABS และระบบควบคุมการลื่นไถล (Traction Control) ปุ่มควบคุมที่มีไฟสีส่องสว่างถูกออกแบบใหม่เพื่อให้มองเห็นป้ายกำกับได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
แผงควบคุมหลักข้างเบาะคนขับยังคงอยู่ในตำแหน่งที่เอื้อมถึงง่าย แม้ขณะกำลังแข่ง จากเดิม 10 ปุ่มเหลือเพียง 8 ปุ่ม ปุ่มขวาล่างใช้เปิดหน้าเมนูเสริมบนจอแสดงผล เพื่อปรับการตั้งค่ารายละเอียดต่าง ๆ ได้จากในรถ เช่น ความเร็วในเลนพิต (Pit Lane Speed), การจูนเสียงไอเสีย (Exhaust Mapping) และการรีเซ็ตองศาพวงมาลัย โดยไม่ต้องเสียเวลาต่อคอมพิวเตอร์ ทำให้ทีมงานทำงานได้ง่ายขึ้น ภายในคานประตูยังเพิ่มแผ่นโฟมเสริมเพื่อปกป้องแขน ขา และเท้าของผู้ขับมากขึ้น
แมตเธียส ชูลซ์ (Matthias Scholz) ผู้อำนวยการฝ่ายรถแข่งจีที กล่าวว่า “911 คัพ ใหม่ มีความโดดเด่นเพราะเราลงรายละเอียดในทุกจุด มันแข็งแกร่งขึ้น เร็วขึ้น แต่ก็ใช้งานจริงได้ง่ายขึ้น อายุการใช้งานชิ้นส่วนยังคงเดิม หรือบางชิ้นก็ทนขึ้นแม้สมรรถนะสูงขึ้น วัสดุบางส่วนถูกแทนที่ด้วยชิ้นงานที่มีองค์ประกอบของวัสดุรีไซเคิล ห้องโดยสารถูกปรับให้ใช้งานง่ายขึ้น พร้อมระบบอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมที่รองรับการแข่งขันหลายรูปแบบ”
ระบบอิเล็กทรอนิกส์: ฟังก์ชันเสริมที่ใช้งานได้จริง
ระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่อัปเกรดใหม่ใน 911 คัพ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ได้ดีขึ้น ระบบตรวจสอบแรงดันลมยาง (TPMS) แสดงอุณหภูมิของลมยางบนหน้าปัดกลางได้ทันที เสาอากาศ GPS ที่ทรงพลังขึ้นมากเข้ามาแทนที่ระบบอินฟราเรดเดิม เพื่อใช้เก็บข้อมูลรอบเวลาและตำแหน่งรถได้แม่นยำยิ่งขึ้น ฟีเจอร์ยอดนิยมจากรุ่นพี่ 911 จีที 3 อาร์ ถูกนำมาใช้ เช่น การวัดรอบเวลาขณะวิ่งผ่านเลนพิต และฟังก์ชัน “pre-kill” ที่ช่วยปิดเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อรถหยุดนิ่งในช่วงพักเข้าพิต นอกจากนี้ ยังมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ใหม่ คอยตรวจสอบระดับพลังงานของแบตเตอรี่ 9 โวลต์ ที่ใช้ในชุดปล่อยสารดับเพลิงด้วย
ในการพัฒนา 911 คัพ ทางปอร์เช่ มอเตอร์สปอร์ต ร่วมมือกับ มิชลิน (Michelin) เพื่อสร้างยางรุ่นใหม่สำหรับรถแข่งวันเมคคัพ โดยทดสอบจริงในสนามระดับโลก ได้แก่ สนามอิตาเลียนกรังด์ปรีซ์ที่มอนซา สนามเลาซิทซ์ริงที่เยอรมนี และสนามทดสอบภายในของปอร์เช่ ที่ศูนย์พัฒนาไวส์ซาค โดยมีอดีตนักแข่ง ปอร์เช่ จูเนียร์ 3 คน คือ บาสเตียน บุส, ลอริน ไฮน์ริช, และเคลาส์ บัคเลอร์ ร่วมกับนักแข่งมืออาชีพมากประสบการณ์ มาร์โก ซีฟรีด ขับทดสอบ
New Racing Car for Porsche’s Global One-Make Cup Series
The New Porsche 911 Cup Stronger Performance for The Successful One-Make Model
– Cup car based on the 992.2 generation 911 to take over from 2026
– More power, improved lap times, simplified handling
– New 911 Cup will also roll off the production line at the main Zuffenhausen plant
Porsche unveils the new 911 Cup – the latest evolution of its one-make cup racing car for the Porsche Mobil 1 Supercup, the various Carrera Cup championships, and other Porsche-sanctioned series. This new model will line up on the grid from the start of the 2026 season. Based on the 992.2 generation of the 911, the latest edition of the acclaimed predecessor features numerous detailed refinements. Development efforts focused on enhancing performance, maintaining reasonable operating costs, and simplifying handling for both drivers and teams. The naturally aspirated 4.0-litre six-cylinder boxer engine now delivers an increased output of 382 kW (520 PS), a ten PS increase.
Stuttgart. The new racing car based on the 911 for Porsche’s one-make cups and series is now officially called the 911 Cup. With this, the Stuttgart-based sports car manufacturer is streamlining and standardising the naming of its customer racing vehicles. From now on, only cars intended for open-brand racing series or specific segments will carry the ‘GT’ suffix combined with a number in their designation, as is the case with the new evolution of the 911 GT3 R, which also makes its debut today. The 911 Cup is largely derived from the road-approved 911 GT models and is produced alongside the series-production cars at Porsche’s main plant in Zuffenhausen. This has proven highly successful: since production began at the end of 2020, Porsche Motorsport has built 1,130 units of the current 911 GT3 Cup. To date, a total of 5,381 Porsche 911 vehicles has been produced as one-make racing cars.
“Like its successful predecessors, the new 911 Cup pushes boundaries. It combines series components from our GT sports cars with pure racing technology to create a coherent and performance-based overall concept,” emphasises Thomas Laudenbach, Vice President Porsche Motorsport. “Driving the 911 Cup has always been regarded as a challenge. And we want to keep it that way because it also serves as the training platform for our Porsche Juniors. The success of this concept is evident in its countless race and championship victories.”
Michael Dreiser, Director Sales Porsche Motorsport: “The Cup race car based on the 911 is one of the best-selling racing cars in the world. Alongside the 718 GT4 RS Clubsport, it forms the demanding basis of our motorsport pyramid and is used globally in our one-make cup series. But its success extends far beyond that: the secret lies in its versatility. Cup cars regularly achieve strong overall results in endurance races, open GT competitions, and a myriad of other racing events.”
Bodywork: adapted design, improved aerodynamics
The 911 Cup already sets itself apart visually from its predecessor, most notably with a front end that now reflects the design of the 992.2-generation 911 GT3. The front spoiler lip is now made up of three separate parts, allowing only the damaged sections to be replaced after contact, which also helps lower packaging and shipping costs for spare parts. The removal of the daytime running lights serves a similar purpose: in the event of a collision, they can no longer damage the radiators behind them, nor do they require replacement afterwards.
The fenders feature integrated louvre vents, which aid airflow through the wheel arches and enhance aerodynamic downforce on the front axle. The same effect is achieved by the aerodynamically optimised underbody, which – like in the standard model – positively influences the car’s driving dynamics. So-called turning vanes, located behind the front wheel arches, further improve airflow along the front end. The interaction of these elements results in a more responsive front axle, particularly at high speeds, allowing the driver to position the race car with greater precision ahead of each corner.
The more aggressively styled rear end of the new 911 Cup has undergone a complete redesign. The swan-neck rear wing features a revised connection to the wing supports, making position adjustment and handling easier. The engine compartment cover has also been thoroughly reworked. Like almost all body components – including the doors – it is made from recycled carbon fibre fleece combined with bio-based epoxy resin. For example, off-cuts from other manufacturing processes are repurposed to produce the fleece, a measure that contributes, among other benefits, to stabilising spare parts pricing.
Engine: racing engine even closer to the 911 GT3 series power unit
The water-cooled, high-revving six-cylinder engine continues to rely on natural aspiration. The visceral-sounding 4.0-litre boxer engine remains based on the unit used in the Porsche 911 GT3. In its latest racing version, now delivering 382 kW (520 PS), it incorporates additional components from the series production engine, including flow-optimised individual throttle valves and camshafts with extended valve opening times. This design eliminates the need for a centrally positioned throttle valve, which in turn allows for the installation of an air restrictor – a requirement for competing in other motor racing championships. Despite the ten PS increase, the engine’s service life remains unchanged: it only requires an overhaul after 100 hours of track time. To comply with varying noise regulations depending on the racing series, circuit, and local regulations, three different exhaust systems are available.
A more robust four-disc sintered metal racing clutch now handles power transmission to the sequential six-speed dog gearbox. This upgrade allows the engine speed, previously limited to 6,500 rpm during a standing start, to be increased, further enhancing the acoustic theatrics at the beginning of a race. An automatic engine restart function has also been introduced. This activates as soon as the driver depresses the clutch pedal after an accidental stall. Additionally, a new stroboscope function on the brake lights now alerts following drivers, particularly during the start phase. This replaces the previous use of the hazard warning lights for this safety application.
Brakes: improved performance, extended lifespan
The braking system has undergone a comprehensive upgrade. The front axle now features 380-millimetre discs, with their cross-section increased from 32 to 35 millimetres. This change allows for larger cooling channels for self-ventilation, improving heat dissipation. The background to this development: By relocating the central water cooler to the rear of the boot, cooling air can now be directed to the brakes through the central front section. Additionally, the outer diameter of the brake disc hat has been reduced, increasing the friction surface between the disc and brake pad. This results in more efficient deceleration thanks to wider brake pads, improved durability during long-distance races, and a significantly extended service life for the individual components.
The Bosch M5 racing ABS will now be fitted ex-works in all 911 Cup cars. It features enhanced data processing capabilities to interpret input from the new acceleration sensor, which offers additional signal detection. The advanced software can also alert the driver in the event of a leak in either of the two brake circuits. Additionally, the brake fluid reservoir has been enlarged, making it suitable for long-distance racing.
Adjusted steering stops enable the electronically assisted power steering to achieve a tighter turning radius, making manoeuvring through narrow city streets easier. The increased steering lock also allows drivers to counteract oversteer in the 911 more effectively.
Cockpit: simplified operation during racing and in the pits
On the subject of steering, the redesigned, now higher-quality multifunction steering wheel combines a more attractive design with practical advantages. For example, central rotary controls are used to adjust ABS intervention and traction control. The newly designed colour-illuminated control buttons improve the readability of the respective labels.
The central control panel next to the seat remains easily accessible and operable for the driver, even during a race. It now features eight physical switches instead of ten. The button at the bottom right opens an additional menu page on the display, enabling a wide range of detailed settings to be adjusted from inside the car, including pit lane speed, exhaust mapping, and steering angle reset. This removes the need to connect a laptop and simplifies operations for the teams. Additional foam padding on the inside of the door crossbar offers extra protection for the driver’s arms, legs, and feet.
Matthias Scholz, Director GT Racing Cars, explains: “The new 911 Cup stands out thanks to the extensive attention to detail that has gone into its development. It is stronger, faster, yet also more practical. Component service life remains unchanged – in some cases even extended – despite the increase in performance. Where appropriate, materials have been replaced with components containing a high proportion of recycled materials. Cockpit operations have been optimised, and a range of additional electronic features allows for broader application across different racing formats.”
Electronics: practical additional functions
The upgraded electronics in the new 911 Cup also contribute to improved drivability. The TPMS (Tyre Pressure Monitoring System) now displays tyre air temperatures on the central dashboard display. A significantly more powerful GPS antenna replaces the previous infrared system, taking over lap time and position tracking. Proven features from its big brother, the 911 GT3 R, have also been integrated, including lap time measurement for pit lane passages and the “pre-kill” function, which automatically switches off the engine once the car comes to a standstill during pit stops. Additionally, a new electronic monitoring system for the fire extinguisher release unit now checks the charge level of the self-contained nine-volt battery.
In developing the 911 Cup, Porsche Motorsport once again partnered with Michelin to create a new generation of tyres for the one-make cup car. Real-world testing was conducted at Italy’s Grand Prix circuit in Monza, the Lausitzring in Brandenburg, and Porsche’s in-house track at the Weissach Development Centre. Behind the wheel were three former Porsche Juniors: Bastian Buus, Laurin Heinrich, and Klaus Bachler, joined by seasoned racing driver Marco Seefried.
