โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ภายใต้ Chery Automobile บริษัทด้านเทคโนโลยียานยนต์ชั้นนำระดับโลกสัญชาติจีน ผู้ส่งออกรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรายใหญ่ที่สุดของจีน เป็นแบรนด์รถยนต์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ผนึกกำลัง ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระดับโลก ยกระดับการให้บริการด้านคลังอะไหล่ (Parts and Components Warehouse) ด้วยพื้นที่จัดเก็บกว่า 1,000 ตารางเมตร และการขนส่งภายในประเทศ (Transportation) เพื่อมุ่งยกระดับการให้บริการหลังการขายแบบไร้รอยต่อผ่านระบบเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Chery และดีเอชแอล ที่เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก
นอกจากนี้ โอโมดา แอนด์ เจคู ประเทศไทย ได้พิสูจน์ความพร้อมโชว์รูมของผู้จำหน่าย ทั้งพื้นที่จัดแสดงรถ พื้นที่ให้บริการหลังการขาย และพื้นที่ซ่อมบำรุง รวมถึงศูนย์อบรม (Training center) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ก่อนรถคันแรกจะส่งมอบถึงมือลูกค้า สำหรับผู้สนใจสามารถนัดหมายทดลองขับและจองสิทธิ์รถ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV ได้แล้ววันนี้ พร้อมรับโปรโมชันและข้อเสนอสุดพิเศษมากมาย ที่ผู้จำหน่าย OMODA & JAECOO ทั่วประเทศ
นายจักรพันธ์ สิขิวัฒน์ หัวหน้าส่วนงานบริการหลังการขาย บริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) เน้นย้ำเรื่องการพัฒนาที่ไม่หยุดนิ่งเพื่อเติมเต็มประสบการณ์ของผู้ขับขี่ให้รถยนต์เป็น “มากกว่ารถยนต์” และส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีที่สุด
ล่าสุดเปิดตัวโชว์รูม Flagship สุดล้ำสมัยของโอโมดา แอนด์ เจคู ขนาดพื้นที่กว่า 1,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ส่วนจัดแสดงรถและส่วนงานขาย (Sale) จัดแสดงรถไฟฟ้า OMODA C5 EV และJAECOO 6 EV หลากหลายรุ่นและสี พร้อมพื้นที่บริการหลังการขาย (Service) บริเวณเลาจน์ส่วนตัวสำหรับลูกค้า มีบริการเครื่องดื่มและอาหารว่างตลอดทั้งวัน ให้ความสะดวกสบายอย่างมีระดับตลอดการใช้บริการ รวมทั้งส่วนงานอะไหล่และซ่อมบำรุง (Spare Parts) ที่บริหารงานด้วยระบบเทคโนโลยีอัจฉริยะเชื่อมต่อกับคลังอะไหล่ส่วนกลางแบบไร้รอยต่อ ทำให้ใช้เวลาในการจัดส่งอะไหล่จากคลังหลักไปยังศูนย์บริการของผู้จำหน่ายทั่วประเทศภายใน 3 วันทำการเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีศูนย์อบรม (Training center) และศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์ก่อนส่งมอบ (PDI Center) ที่พร้อมให้บริการอย่างเต็มรูปแบบแล้ววันนี้ก่อนรถคันแรกจะส่งมอบถึงมือลูกค้าทุกคน
“การบริหารคลังอะไหล่และการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์นั้น โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้ร่วมมือกับ ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการดำเนินงานที่ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีมาบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการจัดการคลังสินค้ายานยนต์ระดับโลกของดีเอชแอลจะช่วยเสริมย้ำความมั่นใจให้กับลูกค้าได้ว่าอะไหล่และชิ้นส่วนของรถทุกรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทยจะพร้อมให้บริการอยู่เสมอ โดยที่ พื้นที่กทม. และปริมณฑลสามารถส่งอะไหล่ได้รวดเร็วภายใน 1 วันทำการ และภายใน 3 วันทำการ สำหรับการจัดส่งทั่วประเทศ โดยเฉพาะอะไหล่หลักของรถ อาทิ แบตเตอรี่
สตีฟ วอล์กเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีเอชแอล ซัพพลายเชน กลุ่มธุรกิจประเทศไทย กล่าวว่า ดีเอชแอล ซัพพลายเชน ดำเนินงานขนส่งและจัดการคลังอะไหล่ด้วยเทคโนโลยีและมาตรฐานระดับโลก มีการใช้ระบบขนส่ง Transport Management System (TMS) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกและระบบติดตามสินค้า Electronic Proof-Of-Delivery หรือ ePOD รวมถึงระบบ Warehouse Management System ในการจัดการคลังสินค้า ทำให้สามารถบริหารจัดการการใช้ทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งมอบอะไหล่ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด
“เรามีเป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับ โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ในหลายด้าน โดยเฉพาะเรื่องความยั่งยืนที่ทั้ง 2 บริษัทให้ความสำคัญกับการสร้างความยั่งยืนในระยะยาวในกระบวนการดำเนินงานผ่านโครงการริเริ่มต่าง ๆ อาทิ การติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่คลังสินค้า และการใช้รถพลังงานไฟฟ้าในการขนส่ง”
คลังอะไหล่โอโมดา แอนด์ เจคู ตั้งอยู่ที่ ดีเอชแอล บางนาโลจิสติกส์แคมปัสในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ มีพื้นที่จัดเก็บกว่า 1,000 ตารางเมตร ทำให้รองรับปริมาณการขนส่งอะไหล่และชิ้นส่วนรถยนต์ได้ตั้งแต่ 3,000 – 80,000 ชิ้นต่อเดือน และสามารถปรับเปลี่ยนขยายได้ตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
คลังอะไหล่โอโมดา แอนด์ เจคู แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย (1) ส่วนอะไหล่ขนาดใหญ่ที่วางบนพาเลทโดยไม่ใช้ชั้นวาง (Block stack) อาทิ ชุดขับเคลื่อน เป็นต้น (2) ส่วนอะไหล่ที่วางบนชั้นวาง (Rack and Shelving) อาทิ อุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ อะไหล่ที่เปลี่ยนตามรอบการบำรุงรักษา เป็นต้น และ (3) ส่วนอะไหล่ของรถอีวี (EV Storage) อาทิ แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูง เป็นต้น โดยมีระบบส่งต่อข้อมูลความต้องการอะไหล่และชิ้นส่วนจากผู้จำหน่ายทั่วประเทศ มายังคลังอะไหล่ของดีเอชแอล ผ่านระบบ API Interface ระหว่าง SAP ของ Chery และ MAWM (API ของ ดีเอชแอล) ทำให้ทั้งทางผู้จำหน่าย คลังสินค้า และ
โอโมดา แอนด์ เจคู สามารถติดตามสถานะสินค้าคงคลังได้แบบเรียลไทม์ และสามารถใช้ระบบที่เชื่อมถึงกันสั่งสินค้าเข้ามาเติมในคลังของทั้งผู้จำหน่าย และคลังของโอโมดา แอนด์ เจคูเองได้อย่างทันท่วงที อีกทั้งยังสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการคาดการณ์ความต้องการและสั่งสินค้าคงคลังเพื่อให้มีอะไหล่ถูกต้องและเพียงพอแก่ลูกค้าอยู่เสมอ ทั้งนี้ คลังอะไหล่ของโอโมดา แอนด์ เจคู ยังได้รับรองมาตรฐานการจัดการระดับสากลด้วยมาตรฐาน ISO 9002:2015, ISO 14001:2015 และ ISO 45001:2018 อีกด้วย
ผู้สนใจสามารถสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ OMODA C5 EV และ JAECOO 6 EV พร้อมจองรถทั้ง 2 รุ่นได้แล้ววันนี้ ที่ผู้จำหน่ายทั่วประเทศของ OMODA & JAECOO ทั้ง 24 แห่ง ครอบคลุมทุกภูมิภาค ทั่วประเทศไทย พิสูจน์
ความมั่นใจกับบริการหลังการขายที่ครอบคลุมครบวงจรของโอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) ได้แล้ววันนี้เป็นต้นไป
OMODA & JAECOO Thailand Showcases Readiness of Service Centers and Spare Parts Warehouse, Partners with DHL Supply Chain Thailand to Deliver Best-in-Class Services to Thai Drivers
OMODA & JAECOO (Thailand), which is under Cherry Automobile that has been the ultimate Chinese exporter of world-class automotive technology, China’s largest passenger-car exporter and the world’s fastest growing automotive brand, has now partnered with DHL Supply Chain, the world’s contract logistics provider, to enhance Parts and Components warehouse & transportation services.
The warehouse, spanning over 1,000 square meters, aims to provide seamless after-sales services by leveraging Chery’s and DHL’s cutting-edge technologies. OMODA & JAECOO (Thailand), moreover, has proven the readiness of its dealers’ showrooms that feature vehicle display area, after-sales service area, maintenance area, training center and PDI (pre-delivery inspection) center. These facilities are now well ready to provide full-scale services ahead of the delivery of the company’s first vehicle to its customer. People who are interested in OMODA C5 EV and JAECOO 6 EV can now contact OMODA & JAECOO dealers across Thailand for a test drive, a reservation, and special promotions.
Mr. Jakkrapan Sikwat, Head of After-Sales Services at OMODA & JAECOO (Thailand) Company Limited, revealed that his company has placed a strong emphasis on constant development so as to enhance drivers’ experiences by making vehicles “more than cars” and delivering best products as well as services. In its latest development, OMODA & JAECOO (Thailand) has launched its flagship showroom that spans over 1,000 square meters with its vehicle-display and sales area presenting various models of OMODA C5 EV and JAECOO 6 EV in various colors. Also integrated into this flagship outlet are a private lounge full of snacks and beverages for customers’ superior convenience and comfort, and Spare Parts system that seamlessly connects to the central team with smart technology. Parts from the warehouse therefore can be delivered to any dealer in Thailand within just three business days. Aside, the flagship showroom features a Training Center and a PDI center that are ready to deliver full-scale services ahead of the delivery of vehicles to customers.
“Our collaboration with DHL Supply Chain Thailand has brought about a cutting-edge spare parts warehouse that enhances our service capabilities. This partnership, leveraging DHL’s expertise in global automotive warehousing, ensures that parts for all models sold in Thailand are always in stock and efficiently distributed. We offer one-business day delivery in Greater Bangkok and aim to deliver essential components such as batteries, driving motors, and reducer sets to other regions within three business days,” Mr. Jakkrapan added.
Mr. Steve Walker, CEO of DHL Supply Chain Thailand Cluster, said, “DHL Supply Chain operates transport and spare parts warehouse management with world-class technology and standards. We utilize the Transport Management System (TMS) to gather in-depth analytical data, along with the Electronic Proof-Of-Delivery (ePOD) tracking system and the Warehouse Management System. This allows us to efficiently manage resources and deliver spare parts within the required time frame.
Our business goals align closely with OMODA & JAECOO (Thailand), especially in terms of sustainability. Both companies are committed to creating long-term sustainability impact in their operations through initiatives such as installing solar panels at the warehouse and using electric vehicles for transportation.”
OMODA & JAECOO’s spare parts warehouse is located at DHL Bangna Logistics Campus in Samut Prakan Province. Covering an area of over 1,000 square meters, the facility can handle from 3,000 up to 80,000 automotive parts and components per month and is designed for flexibility and expansion as demand grows.
The warehouse has three main zones namely:
(1) Block stack zone that stores big parts such as driving systems;
(2) Rack and Shelving zone that stores electrical components needed for replacements based on regular maintenance schedule, etc. and
(3) EV Storage zone that stores HV batteries, etc.
An efficient system is in place that allows dealers to communicate their needs to the DHL-managed warehouse via an Application Programming Interface (API), which integrates Chery’s SAP with MAWM (DHL’s API). Dealers, the warehouse, and OMODA & JAECOO can check stock in real-time. Thanks to the well-integrated system, orders can be efficiently placed to ensure proper stocking at both dealers and OMODA & JAECOO’s warehouse. Data sent over the system can also be used to predict future demand, paving the way for adequate and efficient stocking. OMODA & JAECOO’s parts and components warehouse is certified based on international standards namely ISO 9002:2015, ISO 14001:2015 and ISO 45001:2018.
From today onward, those interested can test drive and book OMODA C5 EV and JAECOO 6 EV at 24 OMODA & JAECOO dealerships nationwide. Comprehensive after-sales services from OMODA & JAECOO (Thailand) will provide them with solid assurances.
