บี.กริม เพาเวอร์ เผยว่า ผลประกอบการประจำปี 2567 เติบโตแข็งแกร่ง โชว์กำไรสุทธิ (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,227 ล้านบาท เติบโต 5.8% และ EBITDA ที่ 14,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน พร้อมประกาศเร่งเครื่องต่างประเทศ ขยายพอร์ตพลังงานหมุนเวียนรวม 1,345 เมกะวัตต์ พร้อมประกาศปรับเพิ่มนโยบายการจ่ายเงินปันผล
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2567 เติบโตต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน (NNP) – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ 2,227 ล้านบาท เติบโต 5.8% และ EBITDA ที่ 14,987 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.3% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิ – ส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่ ซึ่งเป็นกำไรที่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง และรายการที่ไม่ได้เกิดจากการดำเนินงานอย่างสม่ำเสมอ จะอยู่ที่ 1,557 ล้านบาท
การเติบโต ดังกล่าว มาจากปัจจัยหลัก ได้แก่ ปริมาณขายไฟฟ้าให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพิ่มขึ้น 10.8% จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการโรงไฟฟ้า SPP 3 โครงการ ในเดือนมีนาคม, ตุลาคม และธันวาคม 2566 รวมกำลังผลิต 420 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากราคาเฉลี่ยก๊าซธรรมชาติที่ลดลง 14.2% และปริมาณไฟฟ้าที่ขายให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรม (IUs) ในประเทศเวียดนามเติบโตขึ้น 6.4% เทียบจากปีก่อน รวมถึงรายได้การให้บริการที่สูงขึ้นจากการพัฒนาโครงการ และปริมาณขายไอน้ำในประเทศไทยที่เติบโตขึ้น 19.1% เทียบจากปี 2566 ตามการขยายกำลังการผลิตของลูกค้าเดิม และความต้องการที่เพิ่มขึ้น
ตลอดปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ มีความมุ่งมั่นในการขยายพอร์ตด้านพลังงานหมุนเวียน ด้วยการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจทั้งไทยและต่างประเทศ โดยได้ขยายการลงทุนในพลังงานหมุนเวียนรวม 1,345 เมกะวัตต์ (Committed) ประกอบด้วยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง จำนวน 740 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐเกาหลี, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา 33.7 เมกะวัตต์ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน, โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ 29.9 เมกะวัตต์ในประเทศสหรัฐอเมริกา, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ 65 เมกะวัตต์ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน กำลังผลิตติดตั้งรวม 476.3 เมกะวัตต์ในประเทศไทย (รวมโครงการที่ได้รับการคัดเลือกภายใต้โครงการพลังงานหมุนเวียนของรัฐบาล) นอกจากนี้ ได้เข้าลงทุนใน Nemaroo Bimbi Wind Farm Pty. Ltd. ในประเทศออสเตรเลีย และ LT09 S.r.I. ในสาธารณรัฐอิตาลี เพื่อพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน รวมถึงได้ร่วมมือกับกรีนเนอร์ยี่ และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น เพื่อพัฒนาพลังงานหมุนเวียนด้วยเช่นกัน
ดร. ฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 4/2567 บี.กริม เพาเวอร์ ประสบความสำเร็จในหลากหลายด้าน อาทิ การได้รับคัดเลือกเป็นผู้ผลิตและขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับรัฐบาลตามประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ขนาดโครงการรวม 60.90 เมกะวัตต์ โดยกำหนดเปิด COD ช่วงปี 2571-2573 นอกจากนี้ บริษัท บี.กริม โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟท็อป จำกัด (บริษัทย่อย) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ยังได้ลงนามในสัญญาจ้างงานตามโครงการจัดการพลังงานไฟฟ้าจากระบบผลิตไฟฟ้าแสงอาทิตย์ กำลังติดตั้ง 10.26 เมกะวัตต์ เป็นระยะเวลา 25 ปี มีกำหนดเปิด COD ช่วงไตรมาสที่ 1 ปี 2569
ขณะเดียวกัน บริษัท บี.กริม แอลเอ็นจี ยังได้นำเข้า LNG จำนวน 2 ลำ ในเดือนตุลาคม และธันวาคม โดยปี 2567 นำเข้าทั้งสิ้น 3 ลำ รวมจำนวนประมาณ 198,000 ตัน เข้าสู่ระบบ Pool Gas เพื่อเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมของ บี.กริม เพาเวอร์ ต่อไป
สำหรับแผนดำเนินงานในปี 2568 บี.กริม เพาเวอร์ คาดการณ์ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับ SPP อยู่ที่ 320-350 บาทต่อล้าน BTU ซึ่งอยู่ในช่วงเดียวกับปี 2567 ที่ราคาก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 324 บาทต่อล้าน BTU โดยวางแผนนำเข้า LNG ไม่เกิน 5 ลำ เพื่อนำเข้าสู่ระบบ Pool Gas พร้อมตั้งเป้าเพิ่มลูกค้า IUs รายใหม่ เชื่อมเข้าระบบรวม 40-50 เมกะวัตต์ โดยขณะนี้ยังมีโครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง และจะ COD ในช่วงปีนี้ ถึงต้นปีหน้า กำลังการผลิตติดตั้งรวมกว่า 605 เมกะวัตต์ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KOPOS 20 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อู่ตะเภา 18 เมกะวัตต์ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “อินทรี บี.กริม” ในไทย 80 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “จงเช่อ รับเบอร์” ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดระยอง 35 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนหลังคา “386” ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, ซาอุดีอาระเบีย และบาห์เรน 27.5 เมกะวัตต์, โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง “Nakwol” ในสาธารณรัฐเกาหลี 365 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ “ARECO” ในสาธารณรัฐฟิลิปปินส์ 65 เมกะวัตต์
ตลอดปี 2567 บี.กริม เพาเวอร์ มีความโดดเด่นในด้าน ESG โดยได้รับคัดเลือกให้อยู่ในเรตติ้งสูงสุด “AAA” จาก SET ESG Ratings และติดอันดับ The Sustainability Yearbook 2025 โดย S&P Global ด้วยคะแนนสูงสุด 5% แรกของอุตสาหกรรมสาธารณูปโภคไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังได้รับการประเมิน MSCI ESG Rating ในระดับ BBB จาก MSCI ESG Research และคะแนน CGR ในระดับ “ดีเลิศ” จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย รวมทั้งได้รับคัดเลือกเข้าเป็นสมาชิก FTSE4Good Index เป็นปีที่ 5 ติดต่อกัน ตอกย้ำความมุ่งมั่นของเราในการเติบโตอย่างยั่งยืน และการกำกับดูแลกิจการที่ดี พร้อมกันนี้ ยังได้รับการยอมรับด้านความเป็นผู้นำและนักลงทุนสัมพันธ์ โดยได้รับ 4 รางวัล จากงานประกาศรายชื่อสุดยอดบริษัทแห่งเอเชีย ประจำปี 2567 จัดโดย FinanceAsia ประกอบด้วย “รางวัลผู้นำองค์กรที่ดีที่สุด” “รางวัลบริษัทที่มีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจภายใต้หลัก ESG” “รางวัลผู้บริหารการเงินที่ดีที่สุด” “รางวัลนักลงทุนสัมพันธ์ยอดเยี่ยม” อีกทั้งได้รับรางวัล Outstanding CFO และ Outstanding IR จากเวที IAA Awards ประจำปี 2567 รวมถึงได้รับรางวัล Outstanding Investor Relations ในงาน SET Awards 2024 สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการดำเนินงานด้วยความโปร่งใสและการสื่อสารกับนักวิเคราะห์ และนักลงทุนสถาบันอย่างมีประสิทธิภาพ
จากความสำเร็จทั้งหมดในรอบปีที่ผ่านมา และความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มผลประกอบการ ตอกย้ำความเชื่อมั่นในการบริหารสภาพคล่องและความมุ่งมั่นในนโยบายการจ่ายเงินปันผลที่ยั่งยืน ซึ่งสะท้อนถึงเจตนารมณ์ในการสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติปรับนโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นอัตราไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิจากการดำเนินงาน และเสนอจ่ายเงินปันผลต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีในเดือนเมษายน 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.43 บาท สำหรับปี 2567 ประกอบด้วยเงินปันผลระหว่างกาล ในอัตราหุ้นละ 0.18 บาท และเงินปันผลจ่ายงวดสุดท้ายในอัตราหุ้นละ 0.25 บาท
B.Grimm Power Reports Strong 2024 Financial Performance, Expanding Renewable Energy Portfolio of 1,345 MW and Enhancing Dividend Policy
Dr. Harald Link, Group President of B.Grimm Power Public Company Limited (BGRIM), announced that 2024 financial performance continued to grow steadily. The Normalized Net Profit (NNP) attributable to the parent company reached 2,227 million baht, increasing by 5.8%, while EBITDA surged to 14,987 million baht, marking a 4.3% increase compared to the previous year. The consolidated net profit attributable to the parent company, which includes unrealized foreign exchange (FX) losses and non-recurring operation items, amounted to 1,557 million baht.
This growth was driven by several key factors, including a 10.8% increase in electricity sales to the Electricity Generating Authority of Thailand (EGAT) following the commercial operation (COD) of 3 SPP power plants in March, October, and December 2024, with a total installed capacity of 420 MW. Additionally, the decline in the average natural gas price by 14.2% and a 6.4% increase in electricity sales to industrial users (IUs) in Vietnam as well as higher revenue from project development services contributed to this strong performance. Furthermore, steam volume in Thailand grew by 19.1% compared to 2023 due to customer expansion and increased existing demand.
Throughout 2024, B.Grimm Power remained committed to expanding its renewable energy portfolio, forging partnerships with business partnership in Thailand and abroad. B.Grimm Power expanded its total renewable energy investments of 1,345 MW (Committed), including 740 MW offshore wind power projects in South Korea, 33.7 MW solar rooftop projects across the UAE, Saudi Arabia, and Bahrain, 29.9 MW hydropower projects in the United States, 65 MW solar power plant in the Republic of the Philippines, and 476.3 MW renewable projects in Thailand (including government-awarded renewable projects). Additionally, B.Grimm Power invested in Nemaroo Bimbi Wind Farm Pty. Ltd. in Australia and LT09 S.r.I. in Republic of Italy to develop renewable energy projects and partnered with Greenergy and Sino-Thai Engineering & Construction to further expand renewable initiatives.
In Q4 2024, B.Grimm Power achieved several milestones, including awarded as renewable energy power producers and suppliers to the Thai government, according to a notification of the Energy Regulatory Commission, with a total installed capacity of 60.90 MW, with COD scheduled between 2028 and 2030. Moreover, B.Grimm Solar Power Rooftop Limited (a subsidiary) and Provincial Electricity Authority have entered into a 25-year Service Agreement for the energy management project from solar generation with an installed capacity of 10.26 MW, scheduled to COD in Q1 2026.
On the LNG front, B.Grimm LNG Limited successfully imported two LNG shipments in October and December, totaling three shipments in 2024 (approximately 198,000 tons), which were integrated into the pool gas system to supply B.Grimm’s combined-cycle power plants.
For 2025, B.Grimm Power anticipates natural gas prices for SPPs to range between 320-350 baht per million BTU, similar to 2024 levels where the actual SPP gas cost ended up being 324 baht per million BTU. B.Grimm Power plans to import up to five LNG shipments and aims to synchronize 40-50 MW of new industrial users (IUs). Several ongoing projects are expected to achieve COD between late 2025 and early 2026, with a combined installed capacity exceeding 605 MW, including the KOPOS Wind Power Project (20 MW), U-Tapao Solar Power Project (18 MW), INSEE B.Grimm Solar Power Project (80 MW) in Thailand, Zhongce Rubber Solar Rooftop Project (35 MW) in Amata City Rayong, 386 Solar Rooftop Project (27.5 MW) in UAE, Saudi Arabia, and Bahrain, Nakwol Offshore Wind Power Project (365 MW) in South Korea, and ARECO Solar Power Plant Project (65 MW) in the Republic of the Philippines.
In 2024, B.Grimm Power made significant strides in ESG (Environmental, Social, and Governance), receiving the highest “AAA” rating from SET ESG Ratings and ranking in S&P Global’s Sustainability Yearbook 2025, placing in the top 5% of the Electric Utilities industry. Additionally, B.Grimm Power received a “BBB” MSCI ESG Rating from MSCI ESG Research and an “Excellent” CGR score from the Thai Institute of Directors Association and maintained our inclusion in FTSE4Good Index for the fifth consecutive year, reaffirming its commitment to sustainable growth and good corporate governance.
B.Grimm Power also received four prestigious awards from FinanceAsia in 2024, including Best CEO Award, Most Committed to ESG, Best CFO Award, and Best Investor Relations Award. Moreover, B.Grimm Power was honored with Outstanding CFO and Outstanding IR Awards at the IAA Awards 2024, as well as the Outstanding Investor Relations Award at the SET Awards 2024, reflecting its commitment to transparency and effective investor communication.
Following the strong financial performance and positive outlook, B.Grimm Power’s Board of Directors’ meeting approved to amend the dividend payout policy to not less than 50% of normalized net profit and proposed a dividend payment to the Annual General Meeting in April 2025 at 0.43 baht per share for 2024. This dividend comprises an interim dividend of 0.18 baht per share and the final dividend of 0.25 baht per share.
B.Grimm Power remains committed to creating long-term value for shareholders while reinforcing its position as a global leader in sustainable energy.
