27.8 C
Bangkok
Saturday, July 27, 2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/finance/offers.html?gagcmid=GA_16621475037_153239610427_662308114214&gad_source=1&gclid=Cj0KCQjwir2xBhC_ARIsAMTXk857jTSdUXpkaXpWmnd52hYaIiSYB7ZK87GyAU_rQMaBpJNjvCX4NOoaAkfEEALw_wcB&gclsrc=aw.ds#contact
https://www.bitec.co.th/th/event/fast-auto-show-thailand-2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
benz900x192px_1
Fast Auto Show Thailand 2024
previous arrow
next arrow

แบคทีเรียร้ายในกระเพาะอาหาร…ภัยร้ายของกระเพาะอาหาร

ใครมีอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้องบ่อยๆ อย่านิ่งนอนใจ เพราะคุณอาจกำลังติดเชื้อเอช.ไพโลโร อยู่ก็เป็นได้ ซึ่งเชื้อนี้สามารถสร้างปัญหาให้เราได้ตั้งแต่อาการเล็กๆ น้อยๆ แบบปวดท้อง ท้องอืด ไปจนถึงโรคร้ายอย่างมะเร็งกระเพาะอาหาร

บทความตอนนี้จึงได้นำคำแนะนำของ นพ.ปารินทร์ ศิริวัฒน์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านอายุรกรรมระบบโรคทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลนวเวช มาบอกเล่าให้ได้ทราบถึงอันตรายของเชื้อชนิดนี้ รวมทั้งการวินิจฉัยและรักษาหากติดเชื้อขึ้นมา

เอช.ไพโลไร (H pylori) เป็นเชื้อแบคทีเรียแกรมลบ ถูกพบบนพื้นผิวของกระเพาะอาหารครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1984 โดย Barry J. Marshall and Robin Warren นักวิทยาศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันพบว่ามากกว่า 50% ของประชากรโลกมีการติดเชื้อเอช.ไพโลไร ซึ่งติดต่อผ่านทางน้ำลายและการกินอาหารร่วมกันโดยไม่ใช้ช้อนกลาง

การติดเชื้อเอช.ไพโลไร จะก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังของเนื้อเยื้อกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก นำไปสู่การเกิดอาการไม่สบายท้อง มีอาการปวดท้อง อืดแน่นท้อง และก่อให้เกิดโรคในกระเพาะอาหารมากมาย เช่น โรคกระเพาะอาหารอักเสบ โรคแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร

การวินิจฉัยการและการรักษาทำได้หลายวิธี ได้แก่ 1.การส่องกล้องในกระเพาะอาหาร (EGD) เพื่อตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ 2.การตรวจลมหายใจ (UBT) 3.การตรวจการติดเชื้อในอุจจาระ (Stool H pylori Antigen) แต่วิธีที่เป็นมาตรฐานในการตรวจวินิจฉัยคือ การส่องกล้องเพื่อเข้าไปตัดชิ้นเนื้อในกระเพาะอาหารมาตรวจ โดยวิธีการส่องกล้องในกระเพาะอาหารนั้นทำได้ไม่ยุ่งยาก เมื่อทำเสร็จแล้วพักสังเกตอาการเพียงครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงก็สามารถกลับบ้านได้ การส่องกล้องทางกระเพาะอาหารในผู้ป่วยที่มีอาการปวดท้องนั้นนอกจากจะตรวจเรื่องของการติดเชื้อเอช.ไพโลไรแล้ว ยังสามารถตรวจว่ามีแผลในกระเพาะอาหารหรือมีมะเร็งกระเพาะอาหารหรือไม่

ปัจจุบันนี้ทางสมาคมโรคทางเดินอาหารแห่งประเทศไทยแนะนำให้ผู้ป่วยอายุเกิน 50 ปี ที่มีอาการปวดท้องเกิดขึ้นใหม่ ควรได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบนทุกราย หากผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยการติดเชื้อเอช.ไพโลไรจะได้รับการรักษาโดยการให้ยายับยั้งการหลั่งกรดร่วมกับยาปฏิชีวนะ เมื่อได้รับการรักษาควรกลับมาตรวจยืนยันการติดเชื้อว่าได้หายขาดแล้ว

สําหรับผู้ที่สงสัยว่าอาจมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับระบบทางเดินอาหาร หรือคนในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร ควรตรวจหาความเสี่ยง หรือปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อป้องกันการเกิดโรคร้ายต่อไป

หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร สามารถขอรับคำปรึกษาจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ที่โรงพยาบาลนวเวช โทร.02 483 9999 หรือ www.navavej.com

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles