28.9 C
Bangkok
Saturday, July 27, 2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
https://www.mercedes-benz.co.th/th/passengercars/finance/offers.html?gagcmid=GA_16621475037_153239610427_662308114214&gad_source=1&gclid=Cj0KCQjwir2xBhC_ARIsAMTXk857jTSdUXpkaXpWmnd52hYaIiSYB7ZK87GyAU_rQMaBpJNjvCX4NOoaAkfEEALw_wcB&gclsrc=aw.ds#contact
https://www.bitec.co.th/th/event/fast-auto-show-thailand-2024
https://www.thaihonda.co.th/honda/
benz900x192px_1
Fast Auto Show Thailand 2024
previous arrow
next arrow

MG3 HYBRID+ เปิดที่แรกในโลก Geneva International Motor Show 2024

เจนีวา : MG Motor Global ได้เข้าร่วมงาน GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 ซึ่งถือเป็นครั้งแรก ของ เอ็มจี ที่ได้จัดแสดงรถยนต์ในงานนี้ โดย เอ็มจี ได้นำรถยนต์ไฮไลท์มากกว่า 10 รุ่น มาจัดแสดงภายในงาน นำโดยการเปิดตัวครั้งแรกของ รถยนต์ไฮบริด MG3 HYBRID+ สปอร์ตซีดาน อย่าง MG7 รถแฮทช์แบ็คไฟฟ้า100% MG4 ELECTRIC รวมถึง MG CYBERSTER สปอร์ตโรดสเตอร์อีวี และพรีเมียมอีวี ในรุ่น MG9 EV และ MG S9 EV รวมถึงแบรนด์ IM ที่มาในแบบซีดานอีวี L6 และL7 เอสยูวีพรีเมียมอย่าง LS6 และ LS7

MG MOTOR GLOBAL ได้ทำการเผยโฉมรถยนต์ MG3 HYBRID+ รุ่นใหม่เป็นครั้งแรก โดยรถรุ่นนี้เป็นรถยนต์ไฮบริดเวอร์ชันใหม่ ที่มอบการผสมผสานระหว่างสมรรถนะดีเยี่ยมเข้ากับความคุ้มค่าและอัตราการประหยัดเชื้อเพลิงที่พัฒนาขึ้น รวมถึงงานดีไซน์ใหม่ทั้งคันจากภายนอกและภายใน ให้มีความโดดเด่นกว่ารุ่นที่ผ่านมา

MG3 HYBRID+ จัดอยู่ในรถยนต์เซกเมนต์ B แฮทช์แบ็ค ถือเป็นเซกต์เมนต์ที่ได้รับความนิยมในตลาดยุโรป ตอบโจทย์การใช้งานดีเยี่ยมในชีวิตประจำวัน มาพร้อมสมรรถนะการขับขี่ที่ถูกพัฒนาให้ดีขึ้น ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 HYBRID+ ประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 102 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 128 นิวตันเมตร ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด 136 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ความจุแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน 1.83 kWh เมื่อทำงานร่วมกันจะได้พละกำลังรวมสูงสุดที่ 194 แรงม้า ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 100 กรัมต่อกิโลเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ อัตราเร่ง  0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8 วินาที MG3 HYBRID+ มาพร้อม 3 โหมดขับขี่ โหมด Eco ประหยัดพลังงาน โหมด Standard เพื่อการขับขี่ทั่วไป และโหมด Sport สำหรับการขับขี่ที่เร้าใจ

การออกแบบภายในห้องโดยสารมีความล้ำสมัย ด้วยจอแสดงผลคู่พร้อมระบบสัมผัส มาพร้อมระบบอัจฉริยะ     i-SMART และระบบช่วยเหลือการขับขี่ อย่าง MG Pilot ให้การเชื่อมต่อและเสริมความปลอดภัยที่ดีขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายถูกออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

Mr. David Allison, MG Motor UK Head of Product and Planning กล่าวว่า “ด้วยคุณสมบัตินี้ รถยนต์ MG3 รุ่นใหม่จะมอบความผสมผสานของสมรรถนะและประสิทธิภาพการขับขี่ ด้วยเทคโนโลยีพลังงานใหม่ Hybrid+ ของเอ็มจี ซึ่งเราได้มีการปรับปรุงให้ระบบ Hybrid+ นั้นดีขึ้นทุกด้าน แต่ยังคงไว้ซึ่งแนวคิดการขับขี่ที่สนุกสนานของ เอ็มจี อีกทั้งฟีเจอร์ต่าง ๆ ภายในตัวรถ ได้ถูกออกแบบให้มีความพรีเมียม รวมถึงระบบความปลอดภัยของรถรุ่นนี้ สามารถมอบความอุ่นใจให้กับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในทุกที่นั่ง อย่างแน่นอน”

นอกจากเปิดตัวครั้งแรก MG3 HYBRID+ แล้ว เอ็มจี นำ รถยนต์รุ่นอื่น ๆ จัดแสดงที่ GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 มีรุ่นที่ได้รับความสนใจจากหลายประเทศ อาทิ โรดสเตอร์ระดับตำนานฉลองครบ 100 ปี อย่าง MG CYBERSTER ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ มอบพละกำลังสูงสุดกว่า 544 แรงม้า (400 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุดถึง 725 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.2 วินาที รวมถึง MG4 ELECTRIC รถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นโกลบอลที่ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นบุกเบิกให้แบรนด์ เอ็มจี ได้รับยอดขายสูงในหลาย ๆ ประเทศ กวาดรางวัลต่างๆ มาแล้วมากมายทั่วโลก

รุ่นที่นำมาโชว์ภายในงานเป็นรุ่นมอเตอร์คู่ (X POWER) รวมถึง MG7 และ MG9 ซึ่งทั้งสองรุ่นนี้ถือเป็นการเติมเต็มให้กับ เอ็มจี ได้สามารถตอบโจทย์ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ให้คลอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตั้งแต่รถขนาดเล็กที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่มคน MG3 Hybrid+ ไปจนถึงรถระดับพรีเมียมที่มีความหรูหราอย่าง MG9

นอกจากนี้ เอ็มจี ทุกรุ่นที่กล่าวมา ในงาน GENEVA INTERNATIONAL MOTOR SHOW 2024 ยังถือเป็นครั้งแรกที่ เอ็มจี ได้เปิดตัว แบรนด์รถไฟฟ้าระดับพรีเมียมอย่าง IM (INTELLIGENT MOBILITY) โดยนำมาจัดแสดงทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ IM L6 รถยนต์ซีดานไฟฟ้า และ IM L7 รถยนต์ไฟฟ้าพรีเมียม รวมถึงสปอร์ตคูเป้ไฟฟ้าสองขนาดอย่าง IM LS6 และ LS7

แบรนด์ IM จะเริ่มทำการจำหน่ายในยุโรปภายในปี ค.ศ. 2025 รถ IM ทุกรุ่นได้ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีระดับสูงทั้งในระบบการขับเคลื่อนรวมถึงระบบความปลอดภัยและระบบอัจฉริยะภายในห้องโดยสาร ประกอบกับแบตเตอรี่ที่มีแผนจะพัฒนาให้เป็น Solid State Battery สามารถให้ระยะทางวิ่งไกลสูงสุดถึง 800 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน WLTP) พร้อมเทคโนโลยีการชาร์จที่รองรับความเร็วสูงสุดโดยใช้ระยะเวลาเพียง 15 นาทีสามารถวิ่งได้ไกลถึง 500 กิโลเมตร

ติดตามความเคลื่อนไหว MG MOTOR GLOBAL ได้ที่ Facebook: https://www.facebook.com/MGMotorGlobal  และ Instagram: mg_motor_global

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ MG CALL CENTRE โทร. 1267 ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมของ เอ็มจีได้ที่ Website: www.mgcars.com , Line: @MGThailand , Facebook: www.facebook.com/MGcarsThailand , Twitter: @mg_thailand , Instagram: @mgthailand , Youtube: MG Thailand , TikTok: @mgthailand และ Application: MG Thailand

Related Articles

Stay Connected

269FansLike
2,760SubscribersSubscribe
- Advertisement -spot_img

Latest Articles