ปตท. เผลผลการวิเคราะห์สถานการณ์ตลาดน้ำมันสัปดาห์ที่ 6-10 ก.พ. 66 และแนวโน้ม 13-17 ก.พ. 66 โดยตลาดน้ำมันสำเร็จรูปเบรนท์ (ICE Brent) ราคา 84.13เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +1.07 ตลาดน้ำมันสำเร็จรูป เวสท์เท็กซัสฯ (NYMEX WTI) ราคา 77.50 เหรียญต่อบาร์เรล ปรับราคาเพิ่มขึ้น +1.01 เหรียญ สหรัฐฯ ตลาดน้ำมันสำเร็จรูปดูไบ (Dubai) ราคา 81.47เหรียญสหรัฐฯ ต่อ บาร์เรล ปรับราคาลดลง +4.54 เหรียญ สหรัฐฯ ขณะที่ราคาน้ำมันสำเร็จรูปซื้อซื้อขายล่วงหน้าประเทศสิงคโปร์ ราคาเบนซินออกเทน 95 ปรับราคาลดลง –0.85 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 99.81 เหรียญ สหรัฐฯ ราคาน้ำมันดีเซลราคาปรับราคาลดลง –7.05 เหรียญ สหรัฐฯ มาเป็นราคา 107.52 เหรียญสหรัฐฯ
![](https://carlifeway.com/wp-content/uploads/2023/02/The-Amount-of-Energy-Required-is-High-Trend-of-Rising-Oil-Prices-2.jpg)
ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI เฉลี่ยสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวเพิ่มขึ้น จากความกังวลว่าอุปทานน้ำมันดิบมีแนวโน้มตึงตัว หลังจาก Alexander Novak รองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย เผยแผนลดการผลิตน้ำมันดิบในเดือน มี.ค. 66 ลง 0.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของปริมาณการผลิตของรัสเซีย เพื่อตอบโต้ชาติตะวันตกที่ออกมาตรการตั้งเพดานราคาน้ำมัน (Price Cap) จากรัสเซียซึ่งขนส่งทางทะเล ตั้งแต่ 5 ธ.ค. 65 พร้อมทั้งกล่าวย้ำว่าจะไม่จำหน่ายน้ำมันให้แก่ชาติที่เข้าร่วมมาตรการ Price Cap น้ำมันดิบและน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้งนี้ รัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ก.พ. 66 อยู่ที่ 10.93 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ผลิตคอนเดนเสทประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
ขณะเดียวกัน ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์อุปสงค์น้ำมันโลกมีแนวโน้มฟื้นตัว โดยธนาคาร Australia and New Zealand Banking Group Ltd. (ANZ) ของออสเตรเลียชี้ว่า อุปสงค์น้ำมันของจีนที่ฟื้นตัว หลังยกเลิกมาตรการ Zero-COVID ที่ดำเนินการอย่างเข้มงวดมานานกว่า 3 ปี จะเป็นปัจจัยสนับสนุนราคาน้ำมันโลกในปีนี้
![](https://carlifeway.com/wp-content/uploads/2023/02/The-Amount-of-Energy-Required-is-High-Trend-of-Rising-Oil-Prices-3.jpg)
ทั้งนี้ ANZ คาดการณ์อุปสงค์น้ำมันของจีนในปี 66 จะเพิ่มขึ้น 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า หรือประมาณ 50% ของอุปสงค์โลก ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า ขณะที่ Haitham al-Ghais เลขาธิการ OPEC คาดว่า อุปสงค์น้ำมันโลกปี 66 จะอยู่ที่ 102 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของ COVID-19 และจะเติบโตสู่ 110 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายในปี 68
สัปดาห์นี้คาดว่าราคา ICE Brent จะเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 83-88 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดย Haitham al-Ghais คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent จะแตะอยู่ในระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในปี 66 ขณะที่ Afshin Javan ผู้แทนอิหร่านประจำ OPEC คาดว่า ราคาน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ช่วงครึ่งหลังของปี66
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
* รายงานฉบับเดือน ก.พ. 66 ของ EIA รายงานอุปสงค์น้ำมันโลกปี 65 เพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 99.36 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดจากคาดการณ์ครั้งก่อน 7 หมื่นบาร์เรลต่อวัน) และคาดการณ์ปี 66 เพิ่มขึ้น 1.11 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 100.47 ล้านบาร์เรลต่อวัน (ปรับลดจากคาดการณ์ครั้งก่อน 1 หมื่นบาร์เรลต่อวัน)
* 7 ก.พ. 66 ทางการตุรกีประกาศเหตุสุดวิสัย (Force Majeure) ท่าส่งมอบน้ำมัน Ceyhan (1 ล้านบาร์เรลลต่อวัน) บริเวณชายฝั่งทะเล Mediterranean เพื่อตรวจสอบด้านความปลอดภัย หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหวบริเวณตอนใต้ของตุรกีเมื่อ 6 ก.พ. 66 อย่างไรก็ดี 8 ก.พ. 66 การขนส่งน้ำมันดิบ Azeri ผ่านท่อ Baku-Tblisi-Ceyhan (BTC: 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน) จากอาเซอร์ไบจานสู่ท่า Ceyhan กลับมาดำเนินการตามปกติ
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
* รายงานฉบับเดือน ก.พ. 66 ของ EIA คาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ในปี 66 เพิ่มขึ้น 0.59 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า มาอยู่ที่ 12.49 ล้านบาร์เรลต่อวัน และปี 67 เพิ่มขึ้น 0.16 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนหน้า อยู่ที่ 12.65 ล้านบาร์เรลต่อวัน
* วาณิชธนกิจ Goldman Sachs คาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent ในปี 66 อยู่ที่ 92 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ปรับลดจากคาดการณ์เดิม 6 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) และปี 67 อยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล (ปรับลดจากคาดการณ์เดิม 5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล) โดยชี้ว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางทั่วโลกทำให้การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์น้ำมันชะลอตัว ขณะที่อุปทานรัสเซียไม่หายไปมากอย่างที่คาด